กูรูชี้ “โอไมครอน” กดดันหุ้นแค่ต้น ธ.ค. ตลท.คาดปีหน้าผันผวน

 

โบรกเกอร์ประสานเสียงประเมินโควิดโอไมครอนกดดันหุ้นไทยแค่ต้นเดือน ก่อนปลายเดือนคลี่คลาย หลังมีข้อมูลโควิดสายพันธุ์ใหม่มากขึ้น หนุนหุ้นไทยรีบาวนด์ ให้กรอบ 1,550-1,670 จุด ขณะเดียวกัน พร้อมเปิดโผหุ้นเด่นเดือน ธ.ค. JWD-BCH-DOHOME-LEO อัปไซด์สุดแจ่ม ฟาก ตลท. คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 65 ปรับตัวผันผวน หลังหลายประเทศส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเร็ว ส่งผลกระแสเงินทุนไหลค่อนข้างเร็ว

4 โบรกฯ คาดกรอบ SET Index ธ.ค. ที่ 1,550-1,670 จุด

บล.เคทีบี เอสที เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ ว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงขึ้น ส่งผลให้เป้าหมายดัชนหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปี 64 ที่คาดไว้เดิม 1,680 จุด อาจทำได้เพียง 1,650 จุด ถ้าการแพร่ระบาดดังกล่าวมีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดว่านักลงทุนจะหันมาให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีฐานรายได้ในประเทศเป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศจะระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า

ด้าน บล.ไอร่า ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,550-1,640 จุด โดยเดือนนี้มีปัจจัยลบอย่างการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กดดันตลาดหุ้นในช่วงต้นเดือน แต่ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เริ่มมีดาวน์ไซด์จำกัด ขณะที่คาดว่า ดัชนีในเดือนนี้จะฟื้นตัวได้ ภายหลังมีการรับรู้ข้อมูลโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น เช่น ประสิทธิภาพวัคซีนที่ยังป้องกันโรคได้ไม่ต่ำกว่า 50% และการปรับสูตรวัคซีนใหม่ เป็นต้น

บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า ดัชนีซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้หุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,560-1,670 จุด โดยในเดือนนี้ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เป็นปัจจัยกดดันดัชนี แต่เราประเมินว่า SET Index จะกลับมาฟื้นตัวในช่วงปลายเดือน ธ.ค. หากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรงอย่างที่ WHO คาดการณ์ไว้ รวมทั้งยังมีความคืบหน้าในการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนต่อการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ด้วย

และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,550-1,630 จุด โดยในเดือนนี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มว่าวัคซีนจะป้องกันได้น้อยลง และ เสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารทั่วโลกยากมากขึ้น จากภาวะ Stagfiation โดยเฉพาะจากเงินเฟ้อที่เร่งตัว กลยุทธ์จึงแนะนำ “แบ่งไม้ทยอยสะสม” ที่ระดับ 1,590 จุดและ 1,550-1,570 จุด

เปิดโผหุ้นเด่นเดือน ธ.ค. เน้นธีมกำไร Q4/64 แจ่ม มีอัปไซด์

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน ธ.ค.64 มีกลยุทธ์การลงทุนหลักทั้งหมด 2 ธีม ประกอบด้วย หุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น และหุ้นที่ยังมีมูลค่าน่าสนใจ (ไม่แพง) จากการรวบรวมพบว่า เดือน ธ.ค.นี้ มีหุ้นเพียงแค่ 1 บริษัทเท่านั้นที่โบรกเกอร์แนะนำตรงกันมากกว่า 1 แห่ง คือ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ที่มีนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งราคาหุ้นมีอัปไซด์ระหว่าง 29.63-34.26%

ด้าน บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์สูงสุดถึง 54.76% รองลงมา คือ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 50.33%

ขณะที่ยังมีอีก 4 บริษัทที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์มากกว่า 20% ประกอบด้วย บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ที่ราคาหุ้นมีอัผไซด์ 45.65% และ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 39.34% ปิดท้ายด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 27.39% และ บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 22.99%

ตลท.คาดปี 65 หุ้นไทยผันผวนสูง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 65 คาดว่าจะปรับตัวผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตรวดเร็วขึ้น

โดยผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นจะกดดันให้สภาพคล่องลดน้อยลงและจะทำให้มีการปรับนโยบายการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลค่อนข้างรวดเร็วและอาจทำให้สินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าระดับปกติ

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวมากขึ้นในปีหน้า คาดว่าจะช่วยผลักดันให้หลายอุตสาหกรรมกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มส่งออกที่สดใสในปีนี้มีสัญญาณที่ฟื้นตัวมากขึ้นตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจ โดยประเมินว่ากลุ่มพลังงาน ท่องเที่ยว การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างสูง แต่ต้องระวังเทคโนโลยี ดิสรัปชันที่อาจทำให้การเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจจะชัดขึ้นในปีหน้า

“การเคลื่อนไหวของดัชนีปีหน้าคงไม่สามารถระบุได้ แต่จากข้อมูลย้อนหลัง ตลท.พบว่า แต่ละปีดัชนีจะสวิงเฉลี่ยประมาณ 300-350 จุด ซึ่งบางปีอาจแคบกว่านั้น หรือบางปีอาจสูงกว่านี้ได้” นายภากร กล่าว