ยังอยู่! แคปคอมเลื่อนเกมใหม่ “Pragmata” ไปออกปี 2023

ค่ายแคปคอมประกาศเลื่อนเกมไซไฟผลงานใหม่ Pragmata จากกำหนดเดิมปี 2022 ไปวางจำหน่ายปี 2023 แทน

เดิมที เกมนี้ก็เปิดตัวครั้งแรกในเว็บคาสิโนออนไลน์อันดับ1ช่วงกลางปี 2020 ระบุว่าจะสร้างลงเฉพาะคอนโซลยุคใหม่ PS5 และ Xbox Series X|S พร้อมกับ PC ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เผยความคืบหน้าหรือรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเกมมากนัก

ตัวเกม Pragmata จะเป็นแนวแอคชันผจญภัยอยู่ในอนาคตอันใกล้เป็นโลกดิสโทเปียบนพื้นผิวดวงจันทร์ มีตัวละครผู้เล่นสวมชุดนักบินอวกาศและเด็กสาวลึกลับในชุดสีน้ำเงินเดินทางไปด้วยกัน บอกว่าจะใช้เทคโนโลยีแสงเงา Ray-Tracing แบบเรียลไทม์

สำหรับการประกาศเลื่อน ทางทีมพัฒนาก็ทำเป็นวีดีโอเด็กสาวถือป้ายพร้อมกับปล่อยโปสเตอร์ภาพศิลป์ใหม่ออกมาให้ชมแก้ขัดไปก่อน

ลูกค้า “เคทีซีพราว-พี่เบิ้ม” 8 แสนราย ลุ้นเคลียร์หนี้ มูลค่า 7 ล้าน

เคทีซี ฉลอง 13 ปี โครงการ “เคลียร์หนี้” ปี’65 เปิดให้สมาชิกบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” เกือบ 8 แสนราย และสมาชิกสินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ “เคทีซี พี่เบิ้ม” ลุ้นเคลียร์หนี้ 600 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท เช็กลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งเดียว

วันที่ 4 มกราคม 2565 นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า เคทีซีได้จัดแคมเปญ “เคลียร์หนี้ปี 65” มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรื่องราวต่าง ๆ ของสมาชิกที่ได้รับการเคลียร์หนี้ได้สร้างความสนใจให้กับเคทีซี และอยากจะรวบรวมเรื่องราวในชีวิตจริงของสมาชิกที่เป็นประโยชน์เหล่านั้นมานำเสนอ เพื่อส่งต่อความคิดและแรงบันดาลใจสู่สาธารณชน โดยจะจัดทำเป็นคลิปวิดีโอเพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์เร็ว ๆ นี้

 

และเพื่อเป็นการฉลอง 13 ปีแห่งความสำเร็จ ที่โครงการเคลียร์หนี้ได้เข้าไปมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระให้สมาชิกได้ดำเนินชีวิตต่อ ในปีนี้เราจึงขอมอบโอกาสพิเศษตอบแทนสมาชิกบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” เกือบ 8 แสนราย รวมทั้งสมาชิกสินเชื่อซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ “เคทีซี พี่เบิ้ม” โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นรับการลดและปลดภาระหนี้ตลอดทั้งปี 2565 ถึง 600 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

โดยแบ่งเป็น 2 สิทธิ์คือ สิทธิ์ใช้ดี รับ 1 สิทธิ์ จากยอดการใช้งานบัตรทุก ๆ 2,000 บาท และต้องคงค้างอย่างน้อย 15 วันติดต่อกันทุกวันนับจากวันที่มียอดการใช้งานบัตร (ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์) สิทธิ์จ่ายดี รับ 1 สิทธิ์ต่อรอบการจับรางวัล สำหรับสมาชิกที่มีการชำระหนี้ตรงตามเงื่อนไข คือชำระไม่น้อยกว่ายอดเรียกเก็บขั้นต่ำและชำระภายในวันครบกำหนดชำระเงินในรอบนั้น ๆ

โดยรางวัลเคลียร์หนี้ทั้งหมด 600 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลที่ 1 รับการเคลียร์หนี้ทั้งหมด 100% ของยอดสินเชื่อคงค้าง จำนวน 12 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบ รอบละ 1 รางวัล) รางวัลที่ 2 รับการเคลียร์หนี้ 10% ของยอดสินเชื่อคงค้าง จำนวน 588 รางวัล (จับรางวัล 12 รอบ รอบละ 49 รางวัล)

สำหรับสมาชิกที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญฯ เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ครั้งเดียว ก็สามารถลุ้นรับรางวัลได้ตลอดปี 2565 ผ่านเว็บไซต์ www.ktc.co.th/cleardebt2022 หรือช่องทาง SMS พิมพ์ OK ตามด้วยหมายเลขบัตรกดเงิน “เคทีซี พราว” หรือ “เคทีซี พี่เบิ้ม” 16 หลัก ส่งไปที่ 081-364-5000 หรือศูนย์บริการลูกค้า ”เคทีซี ทัช” ทุกสาขา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 กด 6 กด 2 สมัครสมาชิกบัตร กดเงิน “เคทีซี พราว” ได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิก http://bit.ly/2vabzfP สมัครสมาชิกบัตรกดเงินสด “เคทีซี พี่เบิ้ม” คลิก https://ktc.today/PBerm-Apply

‘สาลี่คัลเล่อร์’ลุยปรับทัพใหม่ ธุรกิจเดิม-ใหม่ดันรายได้โต

ผลงานเติบโตต่อเนื่องอีกครั้งบมจ. สาลี่ คัลเล่อร์ ( COLOR) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ ชสะท้อนผ่าน “กำไรสุทธิ”งวด 9 เดือน ปี 2564อยู่ที่ 52.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ41.32 ล้านบาท หลังใช้เวลาปรับทัพธุรกิจใหม่กว่า 7 ปี !

“พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR ระบุ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจเริ่มทยอยกลับมาเติบโต“โดดเด่น”อีกครั้ง ! หลังจากเมื่อราว7 ปีก่อน บริษัทอยู่ในช่วงของ“การย้ายโรงงานเพื่อก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่”โดยใช้เงินลงทุนไปกว่า 500-600 ล้านบาท และมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นมา “2 เท่าตัว” จากเดิมกำลังผลิต 20,000 ตันต่อปี กลายเป็น 60,000 ตันต่อปี

โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าจะอยู่ใน กลุ่มอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ สัดส่วน 50% และที่เหลือจะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างสัดส่วน 10%กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรสัดส่วน 10% กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สัดส่วน 10% และเครื่องใช้ไฟฟ้าสัดส่วน 10% และส่วนที่เหลืออยู่ในกลุ่มอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแนวทางหวยลาววันนี้เป้าหมายสร้างการเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนผ่านล่าสุดบริษัท“แตกไลน์”สู่“ธุรกิจพลังงานทดแทน”ผ่านบริษัท เดอะบับเบิ้ลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ COLOR ถือหุ้นในสัดส่วน 80% โดยธุรกิจพลังงานทดแทนจะดำเนินการใน 3 ส่วน คือ 1.การทำทุ่นลอยน้ำเพื่อวางแผงโซลาร์เซลล์2.รับบริการติดตั้ง ออกแบบพลังงานแสงอาทิตย์ทุกรูปแบบ ทั้งโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ภาคพื้นดิน หรือโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำ เป็นต้น และส่วนสุดท้ายจะเป็นการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (PPA)เพื่อรองรับผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมขนาดกลางและเล็กที่ต้องการลงทุนระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้า

ทั้งนี้ ในธุรกิจพลังงานทดแทนดังกล่าวที่ผ่านมาได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรไปแล้ว และจะเริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าได้ในเดือนธ.ค.64 และจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) ได้ในเดือนม.ค.2565 เป็นต้นไป โดยมีกำลังการผลิตปีแรกที่ 15 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตสู่ 40 เมกะวัตต์ ใน 3-5 ปี ซึ่งบริษัทคาดหวังการเติบโตของธุรกิจพลังงานทดแทนราว 10-15% ของรายได้รวม และมีมาร์จินระดับ15-20%

ทิศทางผลประกอบการในปี 2564 บริษัทคาดรายได้จะเติบโตจากปี 2563 ที่มีรายได้ 995.12 ล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนหลักจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กลับมาฟื้นตัว และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ยังมีทิศทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น

ขณะที่ ผลดำเนินงานปี 2565 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10-15% โดยมาจาก“ธุรกิจ มาสเตอร์แบทช์”ประกอบด้วย ธุรกิจการเกษตร เช่น ฟิล์มคลุมโรงเรือน, ฟิล์มคลุมบ่อน้ำ, ท่อน้ำต่างๆ“ธุรกิจสินค้าใช้แล้วทิ้ง”เช่น Biodegradable, Disposable diape, Disposable film, Packaging“ธุรกิจสินค้าคงทน” เช่น Automotive, อุปกรณ์ไฟฟ้า, การก่อสร้าง, สายไฟฟ้า และ“ธุรกิจ Recycling”หรือการนำพลาสติกส์กลับมาทำใหม่

สำหรับ “ธุรกิจเกษตรกรรม” โดยบริษัทได้มีการทำถุงปลูก และได้มีการศึกษากับหน่วยงานการศึกษา เพื่อให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น และให้คุณภาพของผลผลิตต่างๆ ดีขึ้น โดยเน้นไปที่พืชเศรษฐกิจ เช่น เมลอน, ทุเรียน, มะม่วง เป็นต้น ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย คาดจะสะท้อนผลประกอบการได้ในปีหน้า

ท้ายสุด “พีรพันธ์”บอกไว้ว่า เรามุ่งเน้นพัฒนาขั้นตอนการผลิต พัฒนาคุณภาพสินค้า รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการทำกำไรสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างในปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาให้รองรับกับการปลูกกัญชาและกัญชงด้วย

เปิดร่างคุมสัญญาเช่าซื้อ”หุ้นไหนได้-หุ้นไหนเสีย”?

การระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อเศรษฐกิจไทย หลังต้องใช้ยาแรงปิดประเทศ มีการประกาศล็อกดาวน์ รวมทั้งมาตรการเคอร์ฟิวเพื่อกำหนดเวลาเข้าออกบ้านและเปิดให้บริการบริษัทห้างร้านต่างๆ

ขณะเดียวกันเมื่อกำลังซื้อชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อยอดขาย จนหลายกิจการไปต่อไม่ไหว ขาดสภาพคล่อง ไม่มีเงินทุนหมุนเวียน จึงต้องปิดตัวลงไปในที่สุด

และแน่นอนว่าเมื่อมีการปิดกิจาการ ต้องมีคนตกงานตามมาอีก เรียกว่ากระทบต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ขณะที่หลายบริษัทพยายามรัดเข็มขัด ปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดเงินเดือนพนักงาน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด

ในมุมของภาคประชาชนสถานการณ์โรคระบาดยิ่งซ้ำเติมให้ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบากยิ่งไปอีก จากปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว สะท้อนจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนไทยล่าสุด ณ สิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สูงกว่า 14.24 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็นสัดส่วน 89.3% ของจีดีพี ขณะที่แนวโน้มหนี้เสียยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทย ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อย่างหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ รวมถึงหนี้ซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้เพื่อการอุปโภคบริโภค สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งในสถานการณ์ปกติก็แย่อยู่แล้ว หลายคนทำงานได้เงินมาต้องเอามาใช้หนี้ ยิ่งมาเกิดโรคระบาด รายได้ลดลง แต่หนี้ไม่ลด เลยยิ่งซ้ำเติมไปอีก

จนทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกเกณฑ์ปรับโครงสร้างหนี้ พักหนี้ ยืดหนี้ ให้กับลูกค้าของสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อช่วยลูกหนี้ในช่วงภาวะวิกฤตเช่นนี้ ขณะเดียวกันในกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อมีแนวคิดในการเข้ามาควบคุมกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะในกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานต์ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยกันสูงมากกว่า 30%

โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อยู่ระหว่างจัดทำร่างสัญญาเช่าซื้อ ซึ่งตั้งแต่มีข่าวออกมากลายเป็นปัจจัยกดดันและส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ทันที เพราะจะมีกรอบของกฎหมายเข้ามาควบคุมอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ไม่สามารถคิดดอกเบี้ยที่สูงเกินจริงจนกลายเป็นภาระของผู้บริโภค

ขณะนี้ สคบ. อยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรอบที่ 2 ในวันที่ 3-17 ธ.ค. นี้ และหากดูจากรายละเอียดที่มีการเปิดเผยออกมาในเบื้องต้นดูจะผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเทียบกับรอบแรก โดยมีประเด็นสำคัญ

1.จะควบคุมเฉพาะรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ส่วนตัวเท่านั้น ต่างจากร่างฉบับแรกที่จะควบคุมรถแทรกเตอร์และเครื่องจักรทางการแพทย์ด้วย

2. การคิดดอกเบี้ย จากเดิมรถทุกประเภทจะคิดดอกเบี้ยเท่ากันไม่เกิน 15% เปลี่ยนเป็นรถยนต์ใหม่คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ส่วนรถยนต์เก่า รถยนต์มือสอง รถจักรยานยนต์ คิดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 20%

3. โครงการคืนรถจบหนี้ เปิดให้คืนรถได้เมื่อผ่อนไปแล้วอย่างน้อย 1 ใน 3 ของค่างวด จากเดิมไม่มีการกำหนดเงื่อนไขในส่วนนี้ โดยสามารถคืนได้ทุกช่วงเวลา

4. การจ่ายชำระหนี้ปิดสัญญาก่อนครบกำหนดจะได้ส่วนลดไม่น้อยกว่า 60-80% ของดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการปิดสัญญา จากร่างฉบับแรกกำหนดไว้ที่ 80% ในทุกช่วงเวลา

เปิดร่างคุมสัญญาเช่าซื้อ”หุ้นไหนได้-หุ้นไหนเสีย”?

หากอิงกับร่างฉบับล่าสุด ถือว่ามีการปรับให้เหมาะสมมากขึ้นตามความเสี่ยงของรถแต่ละประเภท นอกจากนี้ยังเปิดทางให้ลูกหนี้ที่เริ่มมีปัญหาค้างชำระ สามารถใช้ช่องทางคืนรถจบหนี้เพื่อคืนรถ โดยธนาคารจะไม่สามารถเรียกเก็บส่วนต่างได้

ดูแล้วกลุ่มที่น่าจะได้รับผลกระทบจากร่างสัญญาเช่าซื้อฉบับนี้มากที่สุด เห็นจะเป็นกลุ่มเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ แม้จะขยายเพดานดอกเบี้ยจาก 15% เป็น 20% แต่ปัจจุบันหลายบริษัทคิดดอกเบี้ยสูงกว่านี้ ส่วนกลุ่มสินเชื่อรถยนต์แทบไม่ได้ผลกระทบ เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ ธนาคารต่างๆ คิดดอกเบี้ยต่ำกว่าที่กำหนดอยู่แล้ว

โดยบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์เก็บดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ต่ำกว่าที่กำหนดในร่างใหม่ มี Yield on loan ราว 5% – 7.7% ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ค่อนข้างได้รับผลกระทบ เนื่องจาก Yield เดิมสูงถึง 40% มีเพียง TISCO ที่เปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ ระบุว่ามีสัดส่วนลูกหนี้เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 2.3% ผลกระทบจึงจำกัด

แต่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมี TK, S11 และ NCAP เนื่องจากคิดดอกเบี้ยจากลูกค้าสูงกว่า 20% อยู่ค่อนข้างมาก ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ SAWAD, MTC และ TIDLOR ซึ่งมีสัดส่วนเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 12%, 3% และ 0.5% ของสินเชื่อรวม ตามลำดับ ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากยังมีสัดส่วนไม่มาก และคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 20% อยู่แล้ว รวมทั้งสามารถปรับกลยุทธ์มาใช้สัญญาสินเชื่อประเภทอื่นปล่อยสินเชื่อควบคู่กันไปได้

อลอนโซ่ชม!จู๊ดกับสองดาวรุ่งเชลซีฟอร์มสุดยอด

จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ และเพื่อนดาวรุ่งอีก 2 คน คงเนื้อเต้นสุดๆ หลัง มาร์กอส อลอนโซ่ แนวรับตัวเก่งเชลซี กล่าวชื่นชมผลงานของ 3 ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ได้รับโอกาสลงเล่นตัวจริงในเกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด ศึกคาราบาว คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมคาดหวังให้พวกเขาพัฒนาฝีเท้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นอนาคตของทีม
มาร์กอส อลอนโซ่ ฟูลแบ็กชาวสแปนิชของ เชลซี กล่าวยกย่องผลงานของ 3 ดาวรุ่งทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ในแมตช์ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-0 ศึกคาราบาว คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

เชลซี ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบากเนื่องจากมีนักเตะหลายคนติดไวรัสโควิด-19 ทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมจำเป็นต้องส่งดาวรุ่งเว็บเล่นบอลออนไลน์ถูกกฎหมายลงสนามได้แก่สองหัวหอกวันกระเต๊าะ จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ วัย 17 ปี และ ฮาร์วี่ย์ เวล วัย 18 ปี กับ ชาเวียร์ ซิม่อนส์ วิงแบ็ก วัย 18 ปี

แม้จะมีดาวรุ่งวัยขบเผาะลงสนามแต่ เชลซี ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการบุกปราบทัพ “ผึ้งพิฆาต” และได้ผ่านเข้าไปเล่นรอบตัดเชือก พบ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ โดย อลอนโซ่ เผยว่าตนประทับใจฟอร์มของ 3 ดาวรุ่งอย่างมากที่มีส่วนกับชัยชนะในแมตช์นี้

“ทุกๆ คน แม้กระทั่งนักเตะอายุ 17 หรือ 18 ปีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ต้องยกเครดิตให้กับทุกๆ คน ผมคิดว่าพวกเขาได้พักผ่อนเต็มที่เมื่อ 2 วันก่อน พวกเขาเพิ่งจะได้ลงซ้อมแค่สองวัน และเราได้เห็นคุณภาพของพวกเขาแล้วในแมตช์นี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการมาเยือนที่นี่”

“พวกเขาเคยมาซ้อมกับเราในบางครั้ง เราได้เห็นพวกเขาและติดตามผลงานของพวกเขามาตลอด ผมมีความสุขกับพวกเขาที่ได้ลงเล่นเปิดตัว หวังว่าพวกเขาจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมจากทุกๆ คน นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพราะเรามีเกมหลายแมตช์ และมีปัญหาโควิด กับทุกๆ เรื่อง มันเป็นเรื่องดีที่ชนะ และโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม” อลอนโซ่ กล่าว

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ยื่นมือช่วยพนักงานบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลภารกิจกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความเป็นห่วงกรณีพนักงานของบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับผลกระทบหลังกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย และมอบหมายให้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

เร่งช่วยเหลือพนักงานจำนวน 396 คนของบริษัทฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการตกงานอย่างกะทันหัน ให้ได้รับเงินค่าชดเชยซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้กรณีเลิกจ้างตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน สมาคมประกันวินาศภัยไทย ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของภาคธุกิจประกันวินาศภัยขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างสูงที่ท่านได้แสดงความห่วงใยและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

จากเหตุการณ์นี้ สมาคมประกันวินาศภัยไทยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจและมีความห่วงใยต่อพนักงานของบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน จึงได้เร่งประสานขอความร่วมมือจากบริษัทสมาชิกของสมาคมฯ ให้ความช่วยเหลือในการพิจารณาจ้างงานหรือรับพนักงานที่ได้รับความเดือดร้อนเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆ ของบริษัท เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเป็นกรณีเร่งด่วน ที่สำคัญพนักงานกลุ่มนี้ถือว่าเป็นบุคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การทำงานด้านประกันภัย พร้อมที่จะทำงานต่อไปในบริษัทประกันวินาศภัยได้ทันที

สำหรับพนักงานที่มีความประสงค์จะหางานใหม่และเข้าร่วมงานในบริษัทประกันวินาศภัย สามารถสมัครงานได้ทางเว็บไซต์สมาคมฯ ได้ทาง https://www.tgia.org/member-TH ซึ่งจะเป็นช่องทางที่เชื่อมต่อไปยังระบบการรับสมัครงานของบริษัทสมาชิกโดยตรง สามารถเข้าถึงตำแหน่งงานที่ว่างอยู่ในแต่ละบริษัทได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทประกันวินาศภัยหลายบริษัทได้มีการจ้างงานและรับพนักงานที่มาจากบริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเข้าทำงานไปบ้างแล้ว นายอานนท์กล่าวปิดท้าย

เดอะ วัน ประกันภัย : พนักงานชุมนุมหน้าบริษัท ถูกลอยแพ ไม่จ่ายเงินเดือน

พนักงาน เดอะ วัน ประกันภัย ถูกลอยแพ หลังบริษัทไม่จ่ายเงินชดเชย-ล่าสุดได้รับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียว รมว.แรงงานยื่นมือช่วย

วันที่ 15 ธันวาคม 2564 แหล่งข่าววงในธุรกิจประกันภัย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันนี้จากที่กลุ่มพนักงานบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) นัดชุมนุมบริเวณหน้าอาคารสำนักงานใหญ่ เนื่องจากได้รับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวของเงินเดือนงวดล่าสุด และยังไม่ได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด โดยปัจจุบันจำนวนพนักงานบริษัท เดอะวัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีอยู่กว่า 400 คนทั่วประเทศ อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯประมาณ 200 คน

ซึ่งนับว่าเป็นการถูกลอยแพ ทั้งที่ช่วงก่อนหน้านี้พนักงานตั้งใจทำงาน แม้กระทั่งตอนที่ม็อบลูกค้ามาประท้วงขอเงินเคลมประกันภัยโควิด ต่างช่วยกันออกโรงว่าจะจ่ายแน่นอนตามคิว แต่พอเลิกกิจการ ผู้บริหารระดับสูงก็ไม่สนใจ แตกต่างจากกลุ่มพนักงานบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ที่ทางเจ้าของแม้ว่าจะเลิกจ้างไปแล้ว แต่ได้มีการจ่ายเงินซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ชดเชยให้พนักงานทุกคน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีภาระค่าสินไหมทดแทน COVID-19 ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้บริษัทมีฐานะการเงินไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไม่มีความสามารถเพิ่มทุน และไม่เพียงพอต่อการจ่ายสินไหมทดแทน บริษัทเตรียมเลิกจ้างลูกจ้างทั้งหมด 396 คน จาก 19 สาขาทั่วประเทศ

เรื่องดังกล่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลภารกิจกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความเป็นห่วงลูกจ้างบริษัทดังกล่าว จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแล ช่วยเหลือลูกจ้างอย่างใกล้ชิด โดยสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจถึงสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้รับ และขั้นตอนกระบวนการยื่นคำร้องให้ลูกจ้างทราบ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564

ซึ่งลูกจ้างรับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดี และแจ้งความประสงค์ขอยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 ในวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ซึ่งได้นัดหมายให้นายจ้างมาพบเพื่อสอบถามและตรวจสอบถึงการดำเนินการของนายจ้างว่าเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือไม่ หากนายจ้างไม่สามารถจ่ายเงินค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างให้กับลูกจ้างได้ ลูกจ้างมีสิทธิยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้

 

นอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 3 ได้เข้าชี้แจงสิทธิเงินทดแทนในกรณีว่างงาน ที่ลูกจ้างพึงได้รับในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยปีละไม่เกิน 180 วัน สำนักงานจัดหางานพื้นที่ 10 ได้นำรายละเอียดของตำแหน่งงานว่างในพื้นที่มาให้ลูกจ้างได้พิจารณาด้วย ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะดูแล ช่วยเหลือลูกจ้างกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

ด้านนายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากบริษัทปิดกิจการลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงิน 1.ค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างในอัตราค่าชดเชยตามระยะเวลาการทำงาน ตั้งแต่ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จะได้รับค่าชดเชย 30 วัน ไปจนถึงทำงานครบ 20 ปี จะได้รับค่าชดเชย 400 วัน 2.ค่าชดเชยแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า กรณีเลิกจ้างกะทันหัน โดยนายจ้างไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ได้รับเงินในอัตราค่าจ้างสุดท้าย 30 วัน

และ 3. เงินผลประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เงินเดือนค้างจ่าย ค่าล่วงเวลา และค่าพาหนะเดินทาง เป็นต้น ซึ่งลูกจ้างสามารถยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ได้ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร ทั้ง 10 พื้นที่ หรือสายด่วน 1506 กด 3

“DITP” โชว์ผลงานนำผู้ประกอบการไทยร่วมงาน CIIE 2021 ยอดขายภายใน 1 ปีกว่า 328 ล้านบาท

DITP เผยผลงานนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE 2021) ประสบความสำเร็จเกินคาด ตกลงซื้อขายภายใน 1 ปีได้กว่า 328 ล้านบาท เผยผลไม้อบแห้ง ทุเรียนอบกรอบ ไก่แช่เย็นแช่แข็ง ข้าวหอมมะลิ เครื่องแกง หนังปลากรอบปรุงรส ชาอู่หลง ได้รับความสนใจสูง

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน หรือ China International Import Expo (CIIE 2021) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-10 พฤศจิกายน 2564 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมแห่งชาติ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า งานในปีนี้ กรมฯ ได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงในส่วนองค์กรและธุรกิจ กลุ่มสินค้าอาหารและเกษตรแปรรูป บนพื้นที่ขนาด 570 ตารางเมตร ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงสินค้าของผู้ประกอบการไทยผ่านผู้แทนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้และตัวแทนการค้าในจีน จำนวน 14 บริษัท 16 คูหา พื้นที่จัดแสดงประชาสัมพันธ์สินค้าไทย อาทิ สินค้าอาหารอนาคต (Future Food) สินค้าที่ได้รับเครื่องหมายรับรอง Thai SELECT สินค้าภายใต้ Thailand Food Country Tmall Official Store กว่า 46 บริษัท รวมทั้งสิ้นกว่า 60 บริษัท

 

โดยพื้นที่ประชาสัมพันธ์กรมฯ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติ เข้ามาชมสินค้าและสอบถามรายละเอียดของสินค้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยผลการเข้าร่วมงาน ประสบความสำเร็จมีมูลค่าการสั่งซื้อรวมภายใน 1 ปีกว่า 328 ล้านบาท สินค้าไทยที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ ผลไม้อบแห้ง ทุเรียนอบกรอบ ไก่แช่เย็น แช่แข็ง ข้าวหอมมะลิ เครื่องแกง หนังปลากรอบปรุงรส ชาอู่หลง เป็นต้น

 

สำหรับในพิธีเปิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมให้เกียรติร่วมกล่าวเปิดงานแบบออนไลน์ โดยเน้นย้ำศักยภาพประเทศไทยในฐานะเป็นผู้ส่งออกอาหารและสินค้าเกษตรรายใหญ่ลำดับต้นของโลก โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญและส่งเสริมการใช้นวัตกรรม เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านคุณภาพและความปลอดภัย ตามแนวทางของโมเดลเศรษฐกิจ BCG เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภคทั่วโลก นอกจากนี้กรมยังได้เข้าร่วมงานในส่วนการจัดแสดงนิทรรศการภาพลักษณ์ประเทศไทย ในรูปแบบออนไลน์ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ทั้งสินค้า บริการ และวัฒนธรรมของไทย เช่น อุตสาหกรรมอาหารที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัย หรือ food safety ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพด้วย

โดยงาน CIIE เป็น 1 ใน 3 งานที่สำคัญที่สุดของกระทรวงพาณิชย์จีน จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2561 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการนำเข้าตามนโยบายการเปิดกว้างทางเศรษฐกิจของจีน เป็นเวทีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและประเทศต่างๆ และเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยงานเป็น 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการภาพลักษณ์ของประเทศต่าง ๆ ส่วนการจัดแสดงองค์กรและธุรกิจ ใน 6 กลุ่มสินค้าคือ เกษตรและอาหาร ยานยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศและอุตสาหกรรมอัจฉริยะ สินค้าอุปโภค สุขภาพและเครื่องมือแพทย์ และธุรกิจบริการ ส่วนเวทีเสวนาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และส่วนกิจกรรมคู่ขนาน อาทิ กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การจัดประชุม สัมมนาของหน่วยงานต่างๆ โดยไทยได้เข้าร่วมงานมาต่อเนื่องทุกปี

กูรูชี้ “โอไมครอน” กดดันหุ้นแค่ต้น ธ.ค. ตลท.คาดปีหน้าผันผวน

 

โบรกเกอร์ประสานเสียงประเมินโควิดโอไมครอนกดดันหุ้นไทยแค่ต้นเดือน ก่อนปลายเดือนคลี่คลาย หลังมีข้อมูลโควิดสายพันธุ์ใหม่มากขึ้น หนุนหุ้นไทยรีบาวนด์ ให้กรอบ 1,550-1,670 จุด ขณะเดียวกัน พร้อมเปิดโผหุ้นเด่นเดือน ธ.ค. JWD-BCH-DOHOME-LEO อัปไซด์สุดแจ่ม ฟาก ตลท. คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 65 ปรับตัวผันผวน หลังหลายประเทศส่งสัญญาณปรับดอกเบี้ยจากภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเร็ว ส่งผลกระแสเงินทุนไหลค่อนข้างเร็ว

4 โบรกฯ คาดกรอบ SET Index ธ.ค. ที่ 1,550-1,670 จุด

บล.เคทีบี เอสที เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ ว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงขึ้น ส่งผลให้เป้าหมายดัชนหุ้นไทย (SET Index) สิ้นปี 64 ที่คาดไว้เดิม 1,680 จุด อาจทำได้เพียง 1,650 จุด ถ้าการแพร่ระบาดดังกล่าวมีความรุนแรงมากขึ้น โดยคาดว่านักลงทุนจะหันมาให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีฐานรายได้ในประเทศเป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศจะระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยปีหน้า

ด้าน บล.ไอร่า ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,550-1,640 จุด โดยเดือนนี้มีปัจจัยลบอย่างการกลายพันธุ์ของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่กดดันตลาดหุ้นในช่วงต้นเดือน แต่ประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวมากพอสมควรแล้ว ทำให้เริ่มมีดาวน์ไซด์จำกัด ขณะที่คาดว่า ดัชนีในเดือนนี้จะฟื้นตัวได้ ภายหลังมีการรับรู้ข้อมูลโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมากขึ้น เช่น ประสิทธิภาพวัคซีนที่ยังป้องกันโรคได้ไม่ต่ำกว่า 50% และการปรับสูตรวัคซีนใหม่ เป็นต้น

บล.เอเชีย เวลท์ เปิดเผยว่า ดัชนีซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้หุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,560-1,670 จุด โดยในเดือนนี้ยังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เป็นปัจจัยกดดันดัชนี แต่เราประเมินว่า SET Index จะกลับมาฟื้นตัวในช่วงปลายเดือน ธ.ค. หากการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ไม่รุนแรงอย่างที่ WHO คาดการณ์ไว้ รวมทั้งยังมีความคืบหน้าในการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนต่อการป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ด้วย

และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน ธ.ค. อยู่ในกรอบ 1,550-1,630 จุด โดยในเดือนนี้มีปัจจัยที่ต้องติดตามเป็นพิเศษ คือ การแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่มีแนวโน้มว่าวัคซีนจะป้องกันได้น้อยลง และ เสี่ยงทำให้เกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่ กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารทั่วโลกยากมากขึ้น จากภาวะ Stagfiation โดยเฉพาะจากเงินเฟ้อที่เร่งตัว กลยุทธ์จึงแนะนำ “แบ่งไม้ทยอยสะสม” ที่ระดับ 1,590 จุดและ 1,550-1,570 จุด

เปิดโผหุ้นเด่นเดือน ธ.ค. เน้นธีมกำไร Q4/64 แจ่ม มีอัปไซด์

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน ธ.ค.64 มีกลยุทธ์การลงทุนหลักทั้งหมด 2 ธีม ประกอบด้วย หุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่น และหุ้นที่ยังมีมูลค่าน่าสนใจ (ไม่แพง) จากการรวบรวมพบว่า เดือน ธ.ค.นี้ มีหุ้นเพียงแค่ 1 บริษัทเท่านั้นที่โบรกเกอร์แนะนำตรงกันมากกว่า 1 แห่ง คือ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) ที่มีนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันทั้งหมด 3 แห่ง ซึ่งราคาหุ้นมีอัปไซด์ระหว่าง 29.63-34.26%

ด้าน บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) เป็นบริษัทที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์สูงสุดถึง 54.76% รองลงมา คือ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 50.33%

ขณะที่ยังมีอีก 4 บริษัทที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์มากกว่า 20% ประกอบด้วย บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ที่ราคาหุ้นมีอัผไซด์ 45.65% และ บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 39.34% ปิดท้ายด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 27.39% และ บมจ.เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) ที่ราคาหุ้นมีอัปไซด์ 22.99%

ตลท.คาดปี 65 หุ้นไทยผันผวนสูง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 65 คาดว่าจะปรับตัวผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงขึ้น ซึ่งหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากเกิดภาวะเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตรวดเร็วขึ้น

โดยผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นจะกดดันให้สภาพคล่องลดน้อยลงและจะทำให้มีการปรับนโยบายการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลค่อนข้างรวดเร็วและอาจทำให้สินทรัพย์มีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าระดับปกติ

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการฟื้นตัวมากขึ้นในปีหน้า คาดว่าจะช่วยผลักดันให้หลายอุตสาหกรรมกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มส่งออกที่สดใสในปีนี้มีสัญญาณที่ฟื้นตัวมากขึ้นตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจ โดยประเมินว่ากลุ่มพลังงาน ท่องเที่ยว การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสจะฟื้นตัวได้ค่อนข้างสูง แต่ต้องระวังเทคโนโลยี ดิสรัปชันที่อาจทำให้การเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจจะชัดขึ้นในปีหน้า

“การเคลื่อนไหวของดัชนีปีหน้าคงไม่สามารถระบุได้ แต่จากข้อมูลย้อนหลัง ตลท.พบว่า แต่ละปีดัชนีจะสวิงเฉลี่ยประมาณ 300-350 จุด ซึ่งบางปีอาจแคบกว่านั้น หรือบางปีอาจสูงกว่านี้ได้” นายภากร กล่าว

JP ลง MOU กับพันธมิตรร่วมพัฒนายาสมุนไพร

 

“โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย)” ผนึก “เวิล์ด เมดดิคัล ทัวริซึม อัลไลแอนซ์ และเค ที ดี เอ็ม” บริษัทในกลุ่มโอเชี่ยน คอมเมิรซ (OCEAN) เซ็น MOU ร่วมศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเพื่อประโยชน์เชิงพาณิชย์ หวังสร้าง Value Chain ด้านผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่ใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อใช้ในเชิงการแพทย์

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) ในการศึกษาวิจัยกัญชาพัฒนาสูตรตำรับเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในอนาคตให้บริษัท เวิลด์ เมดดิคัล ทัวริซึม อัลไลแอนซ์ จำกัด (WMTA) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรจากกัญชาใช้ในเชิงการแพทย์ ผ่านเครือข่ายคลินิกแพทย์แผนไทย และบริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด (KTDM) บริษัทในเครือ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรซ (OCEAN) เจ้าของเครื่องสกัดสารกัญชาใช้เป็นวัตถุดิบ เพื่อสร้าง Value Chain หรือห่วงโซ่คุณค่าให้แก่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรไทย โดยนำสารสกัดที่ได้จากกัญชาและกัญชงมาใช้ประโยชน์ในเชิงการแพทย์ รวมถึงต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสินค้าต่างๆ เช่น อาหารเสริม และเครื่องสำอาง เป็นต้น

ทั้งนี้ JP ได้นำความเชี่ยวชาญในการเป็นผู้นำด้านการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยทีมเภสัชกรแพทย์แผนไทยมาร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และใช้ความสามารถด้านการผลิตของโรงงานที่จังหวัดลำพูน ซึ่งมีมาตรฐานการผลิตยาแผนโบราณ (GMP PIC/s) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำสารสกัดจากกัญชาที่ได้มาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้สูตรตำรับผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรไทย เพื่อใช้เชิงการแพทย์ภายใต้แบรนด์ลูกค้า (OEM) ได้แก่ น้ำมันกัญชาทางการแพทย์ตำรับเมตตาโอสถและตำรับการุณย์โอสถ ให้แก่ บจก.เวิลด์ เมดดิคัล ทัวริซึม อัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระบบเครือข่ายคลินิกทางการแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยภายใต้การดูแลของแพทย์ รวมถึงจะขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรอีก 19 ตำรับ และยังครอบคลุมถึงความร่วมมือพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเชิงพาณิชย์ โดย JP จะทำหน้าที่ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์กับทาง อย. เพื่อผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของลูกค้าอีกด้วย

นอกจากนี้ JP ยังได้ลงทุนแทงหวย24ขยายฐานการผลิตของโรงงานที่จังหวัดลำพูน เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารสกัดจากกัญชา กัญชง และ/หรือใบกระท่อม เพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ รวมถึงการต่อยอดไปใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งในรูปแบบของการรับจ้างผลิตสินค้า หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตัวเอง ภายใต้งบลงทุน 160 ล้านบาท ที่เป็นงบมาจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ที่ผ่านมา เพื่อเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจรองรับแนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ยาหรืออาหารเสริมที่มีสารสกัดกัญชา กัญชง และ/หรือใบกระท่อม เพื่อใช้รักษาโรค รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอนาคต ภายหลังจากที่โรงงานได้รับใบอนุญาตการผลิตจากหน่วยงานภาครัฐ

“ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือในเชิง Strategic Partner ที่จะร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่ใช้สารสกัดจากกัญชา กัญชง เพื่อใช้เชิงการแพทย์ ที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่ Value Chain ครอบคลุมตั้งแต่การนำสารสกัด กัญชงที่มีมาตรฐานระดับสูง มาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากกัญชาภายใต้แบรนด์ลูกค้า เพื่อนำไปใช้ในเชิงการแพทย์รักษาผู้ป่วยผ่านคลินิกทางการแพทย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ WMTA เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งรักษาผู้ป่วย และพร้อมร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย” ดร.สิทธิชัย กล่าว