ซื้อหวยออนไลน์ มีหวยออนไลน์ให้แทงทุกชนิดครบวงจร

ซื้อหวยออนไลน์ เว็บ เว็บของเราเปิดให้บริการแทงหวยทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น หวยรัฐบาลไทย หวยฮานอย หวยลาว หวยมาเลย์ หวยหุ้นต่างประเทศ และ หวยยี่กี ที่ออกถึง 88 รอบต่อวัน เราคือเว็บหวยออนไลน์ครบวงจร สมัครสมาชิกง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น

หวยออนไลน์ คืออะไร ?

หวยออนไลน์ คือ หวยชนิดหนึ่งที่มีกติกาการเล่นคล้ายกับหวยใต้ดิน แต่จะมีรูปแบบและความหลากหลายมากกว่า มีการซื้อขายหวยผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยวิธีการ ซื้อหวยออนไลน์ นั้นสามารถทำได้ ด้วยมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ มีการรองรับทุกอุุปกรณ์ สามารถซื้อหวยได้ทุกช่วงเวลาเลยก็ว่าได้ เพราะหวยออนไลน์นั้นมีหลายประเภทชนิดให้ได้เลือกซื้อหวยกัน แค่สมัครสมาชิกแล้วทำการเติมเงินเข้าสู่ระบบ แค่นี้ก็จะสามารถซื้อหวยได้แล้ว สามารถเลือกเล่นกันได้เลย ไม่ว่าจะเป็น หวยรัฐบาลไทย สลากกินแบ่งรัฐบาล หวยฮานอย หรือ หวยเวียดนาม หวยลาว หวยมาเลย์ หวยหุ้นทุกชนิดทั่วโลก และ หวยยี่กี โดยหวยออนไลน์นั้นยังมีอัตราการจ่ายที่สูงอีกด้วย

ซื้อหวยออนไลน์ ของเว็บ มีหวยอะไรบ้าง ?

หวยรัฐบาลไทย ซื้อหวยออนไลน์ สลากกินแบ่งรัฐบาล

หวยรัฐบาลไทย ก็คือ การจับรางวัลจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ ที่เรียกว่า หวย โดยจะมีการออกรางวัลทุกๆของวันที่1 และ วันที่16 ของทุกๆเดือน หรือ ตามประกาศจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาล   การแทงหวยรัฐบาล หรือ หวยใต้ดิน จะใช้ผลการออกรางวัลของสลากกินแบ่งรัฐบาล ดูจากผลการออกเลขท้าย3ตัว รางวัลที่ 1 สามารถ ซื้อหวยออนไลน์สลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ หวยรัฐบาลออนไลน์ ได้ที่นี่

หวยยี่กี หรือ หวยปิงปอง

หวยยี่กี หรือ หวยปิงปอง นั้นสามารถซื้อได้ตลอดทั้งวัน มีการออกรางวัลทุก 15 นาที รวมแล้วออกกว่าวันละ 88 รอบ เริ่มต้นขั้นต่ำที่ 1 บาท แต่ให้ค่าตอบแทนสูงถึง บาลละ850 ท่านสามารถถอนเงินออกบัญชีผู้เล่นได้ตั้งแต่ 100 บาท ในเว็บของเรา ยังมี สูตรหวยยี่กี ไว้ให้บริการอีกด้วย หวยยี่กี จับยี่กีหรือหวยปิงปอง มีอัตราการจ่ายรางวัลดังนี้

หวยลาว “สลากพัฒนา”

หวยลาว “สลากพัฒนา” หวยที่กำลังได้รับความนิยมมากในตอนนี้ หวยลาวมาจากหวยที่มีการออกรางวัลโดย สปป.ลาว ชื่อเรียกทางการก็คือ“สลากพัฒนา” โดยจะออกผลรางวัลอาทิตย์ละ 2 วัน คือวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี ทางเว็บไซต์  มีการออกรางวัลแยก 2 แบบ 1.แบบ 3ตัวตรง 2.แบบเป็นหวยชุดลาว 4 ตัว โดยมีอัตราการจ่ายดังต่อไปนี้

หวยฮานอย หรือ หวยเวียดนาม

หวยฮานอย หรือ หวยเวียดนาม เป็นหวยรางวัลจากฉลากในประเทศเวียดนาม ทางเว็บไซต์ มีรูปแบบการออกรางวัลแยกแบบ 2 แบบ มีแบบซื้อหวยใต้ดินและเป็นหวยชุดฮานอย จุดเด่นของหวยฮานอยคือสามารถเล่นได้บ่อย แทงได้ทุกวัน มีรูปแบบการแทงแบ่งเป็น 3 ตัวบน โต๊ด 2 ตัวบน ล่าง และ วิ่งบนล่าง โดยมีอัตราการจ่ายดังต่อไปนี้

หวยมาเลย์

หวยมาเลย์  จะมีการออกรางวัลคล้ายๆหวยลาว จะใช้หวยเพียงเลข 4 หลักเท่านั้น โดยการประกาศผลรางวัลจะออกทุกวัน พุธ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 18:30 รูปแบบการออกรางวัล มีการออกรางวัลแยก 2 แบบ แบบซื้อหวยใต้ดินเลข 3 ตัว และแบบ หวยชุดมาเลย์  จะออกผลรางวัลด้วยเลข 4 ตัว และในเลข 4 ตัวจะทำการแยกออกมาเป็น 2 รางวัล คือ 3 ตัว และ เลข 2 ตัว

หวยธกส. สลากทวีสิน

หวยธกส.  หรือ สลากทวีสิน หวยของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยหวยธกส. ออกรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน ใช้ผลการออกรางวัลที่ 1 ของผลรางวัลฉลาก ธกส. ในแต่ละเดือน มาออกรางวัล ปิดรับซื้อเวลา 09.00 น. ซึ่งหวยธกส. ในระบบหวยออนไลน์ หรือหวยใต้ดิน จะมีอัตราการจ่าย ของเว็บ  ผู้ซื้อสามารถลุ้นรับรางวัลมากถึง 6 รางวัล ดังนี้

หวยออมสิน สลากออมสิน

หวยออมสิน หรือ สลากออมสิน  เป็นหวยที่เกิดขึ้นมาจาก ธนาคารออมสิน สลากออมสินกับสลากกินแบ่งรัฐบาล มีอัตราจ่ายสูงบาทละ 900 ใช้ผลอ้างอิงจากเลขท้าย 6 ตัวสลากออมสิน โดยออกรางวัล 2 ครั้ง ใช้ผลสลากออมสินพิเศษ 5 ปี สำหรับ ทุกวันที่ 1 ใช้ผลสลากออมสินพิเศษ 3 ปี สำหรับ ทุกวันที่ 16

หวยหุ้นไทยและหวยหุ้นต่างประเทศกว่า 13 หวยหุ้นให้เล่น

  • หวยหุ้นไทย : ตลาดหุ้น SET.
  • หวยหุ้นสิงคโปร์ : ตลาดหุ้น Straits Times Index
  • หวยหุ้นเกาหลี : ตลาดหุ้น Korea stock exchange
  • หวยหุ้นจีน : ตลาดหุ้น Shenzhen Stock Exchange
  • หวยหุ้นฮั่งเส็ง : ตลาดหุ้น Hang Seng Index
  • หวยหุ้นนิเคอิ : ตลาดหุ้น NIKKEI 225
  • หวยหุ้นอินเดีย : ตลาดหุ้น Bombay Stock Exchange
  • หวยหุ้นไต้หวัน : ตลาดหุ้น TWSE Market Char
  • หวยหุ้นรัสเซีย : ตลาดหุ้น RTS
  • หวยหุ้นอังกฤษ : ตลาดหุ้น FTSE 100 INDEX
  • หวยหุ้นดาวโจนส์ : ตลาดหุ้น Dow Jones Industrial Average
  • หวยหุ้นอียิปต์ : ตลาดหุ้นCASE:IND(EGX30)เปิดรับ 01.00 น.
  • หวยหุ้นเยอรมัน : ตลาดหุ้น Deutsche Borse AG German Stock Index

ข้อดีเล่นหวยออนไลน์กับ

  • ฝาก – ถอน โอนไว ภายใน 3 นาที ได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวดเร็วทันใจ
  • รองรับทุกอุุปกรณ์ เพื่อช่องทางการเข้าเล่นของคุณ
  • รับรองรูปแบบภาษาไทย เพื่อง่ายต่อการเล่น
  • เงินน้อยก็เล่นได้ แทงขั้นต่ำเพียง 1 บาท
  • ข้อมูลทางด้านบัญชีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะบุคคล ข้อมูลที่ทางสมาชิกให้มาในการเปิดบัญชีจะถูกเก็บเป็นความลับขั้นสูงสุด
  • หวยออนไลน์ สมัครสมาชิกซื้อหวยออนไลน์ จ่ายสูงสุดบาทละ 900

แทงหวยออนไลน์ กับเว็บ  เว็บ หวยออนไลน์ ที่มีอัตราจ่ายสูงสุดถึงบาทละ 900 เปิดให้บริการ ซื้อหวยออนไลน์ ครบวงจร เช่น หวยรัฐบาลไทยสลากกินแบ่ง หวยลาว หวยฮานอย หวยเวียดนาม หวยมาเลย์ หวยหุ้นทั่วโลก และหวยยี่กี เว็บจริง จ่ายจริง มั่นคง ปลอดภัย ไม่มีประวัติการโกง เว็บยอดนิยมอันดับหนึ่งเว็บหวยที่มีหวยให้แทงมากที่สุด จ่ายสูงที่สุด กับเว็บ  เว็บซื้อหวยครบวงจร บริการสมาชิกทุกท่านด้วยใจ สมัครสมาชิกฟรีตลอด 24 ชม.

FTE ปันผลหลัง Q3 โต 36%

ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง เผยผลประกอบการไตรมาส 3/65 รายได้ 292.06 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 36.08% บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 0.03 บาท/หุ้น ทิศทางไตรมาส 4/65 เติบโตต่อเนื่อง เตรียมส่งมอบงาน มูลค่ารวม 200 ล้านบาท ตุน Backlog 500 ล้านบาท พร้อมลุ้นผลประมูลงาน 20 โครงการ มูลค่า 450 ล้านบาท คาดรายได้ทั้งปีเติบโตมากกว่าปีก่อน

นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (FTE) ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีรายได้รวม 292.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 252.03 ล้านบาท จำนวน 40.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.88% และมีกำไรสุทธิ 15.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.53 ล้านบาท จำนวน 4.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.08%

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีรายได้เลขเด็ด อาจารย์ดัง เข้าทุกงวดรวม 767.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 766.42 ล้านบาท จำนวน 0.69 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.09% และมีกำไรสุทธิ 41.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38.41 ล้านบาท จำนวน 3.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.67%

ทั้งนี้ ภาพรวมรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากลูกค้าแจ้งให้ทยอยส่งสินค้าเข้าไซต์ รวมถึงมีการสั่งสินค้าเพื่อสต๊อกมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีการปรับราคาสินค้าตามราคาต้นทุน จากการอ่อนค่าของเงินบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 93.53% ของกำไรสุทธิงวดครึ่งปี 2565 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดรวมทั้งสิ้น 17.80 ล้านบาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 ธันวาคม 2565

สำหรับทิศทางธุรกิจในไตรมาส 4 ปี 2565 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทสามารถประมูลงานใหม่เพิ่มและดำเนินงานได้ตามแผน มีโครงการที่คาดว่าจะสำเร็จและส่งมอบ รวมถึงงานขายสินค้าที่จะมีการส่งของได้ในช่วงที่เหลือของปีมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท

ปัจจุบันมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 150 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 350 ล้านบาท อีกทั้งอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 20 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 450 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง

“ธุรกิจของบริษัทมีการนำเข้าอุปกรณ์ต่างๆ จากต่างประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวโดยการทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า รวมถึงการปรับกลยุทธ์การขาย นอกจากนี้ บริษัทวางแผนบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายให้รัดกุมมากขึ้นเพื่อรักษาอัตราการเติบโต ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการปีนี้เติบโตกว่าปีที่แล้ว และรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 6-7%” นายทักษิณ กล่าว

 

RML ชี้ Q3 ผลประกอบการดีขึ้น 75% ประกาศแผนปี 66 พร้อมเทิร์นอะราวนด์ เพิ่มฐานรายได้ประจำ

“ไรมอน แลนด์” เผยผลดำเนินงาน Q3/65 ขาดทุนลดลง 75% เมื่อเทียบกับ Q2/65 ชี้แนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ คอนโดฯ อัลตราลักชัวรีที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 65 ประกาศปี 66 มุ่งมั่นดันผลประกอบการ ‘เทิร์นอะราวนด์’ จากกลยุทธ์ Asset Light ช่วยลดต้นทุน ลดดอกเบี้ย และเตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอที่สูงที่สุดในไทย ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ เพื่อหนุนฐานรายได้ประจำของบริษัทให้มีกระแสเงินสดเข้ามาต่อเนื่อง พร้อมปักธงเปิด Branded Residences อีก 2 โครงการ

นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 ของบริษัทฯ ขาดทุน 47.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นจากไตรมาส 2 ปี 2565 ที่ขาดทุน 193 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากแบ็กล็อกโครงการเดอะ ลอฟท์ สีลม และยังมีรายได้ประจำจากค่าบริหารโครงการ และค่าธรรมเนียมการตลาด ส่วนผลประกอบการเลขเด็ด อาจารย์ดัง เข้าทุกงวดดีขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจากส่วนแบ่งกำไรโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ คอนโดฯ อัลตราลักชัวรี หนึ่งเดียวใจกลางถนนสุขุมวิท ที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งโครงการนี้อยู่ภายใต้การร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด โดยมียอดขายแล้วถึง 75% และเริ่มมีการทยอยโอนอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะทำยอดโอนได้ราว 2,000 ล้านบาทตามเป้าที่วางไว้

ส่วนอีกหนึ่งโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ คอนโดมิเนียมลักชัวรีใจกลางสาทร มียอดขายแล้วกว่า 85% ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ของทั้ง 2 บริษัท โดยไรมอน แลนด์ เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านการเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี และซูเปอร์ลักชัวรีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญยาวนานกว่า 35 ปี และโตเกียว ทาเทโมโนะ เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทจะทยอยรับรู้ยอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) ซึ่ง ณ วันที่ 30 เดือนกันยายน บริษัทมีแบ็กล็อกมูลค่า 6,100 ล้านบาท โดยเป็นแบ็กล็อกจากโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน มูลค่า 2,700 ล้านบาท และแบ็กล็อกโครงการระหว่างก่อสร้าง ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ มูลค่า 3,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในปี 2566

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทมุ่งมั่นการเทิร์นอะราวนด์ให้รับรู้รายได้เร็ว สร้างสมดุลและกระจายรายได้ทั้งอสังหาฯ และรายได้ประจำมากขึ้น โดยต้นปีเตรียมเปิดให้บริการอาคารสำนักงานเกรดเอที่สูงที่สุดในไทย ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ บนทำเลศักยภาพติดบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่เป็นการร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น หลังจากเปิดให้บริการจะเป็นปัจจัยหนุนให้ไรมอน แลนด์ มีรายได้ประจำและกระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (Recurring Income)

 

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นกลยุทธ์ธุรกิจ Asset light โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นเจ้าของที่ดิน นำที่ดินมาพัฒนาโครงการร่วมกัน ซึ่งกลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบ Branded Residence 2 แห่ง โดยปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายบริษัทอยู่ที่ 8,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี สำหรับการลงทุนเปิดโครงการต่างๆ นั้น บริษัทมีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงิน การหาพันธมิตรมาร่วมลงทุนในโครงการ และการออกหุ้นกู้ โดยบริษัทได้ยื่นไฟลิ่งสำหรับการออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 250 ล้านบาท ซึ่งจะขายในเดือนพฤจิกายนนี้ และมีแผนจะออกหุ้นกู้ครั้งที่ 3 มูลค่ารวมไม่เกิน 400 ล้านบาทภายในปลายปี 2565 ซึ่งทั้งหมดบริษัทคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกับหุ้นกู้ที่ออกเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท ที่ขายหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท

ใช้ชีวิตหลังเกษียณให้สุขสมหวัง ด้วยสินเชื่อเพื่อข้าราชการบำนาญจากธนาคารทิสโก้ ดอกเบี้ยต่ำ-รับเงินทันที

สมหวัง เงินสั่งได้ ในกลุ่มธนาคารทิสโก้ มอบโอกาสให้ข้าราชการบำนาญได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณในแบบที่คุณต้องการ ด้วย “สินเชื่อเพื่อข้าราชการบำนาญ” จากธนาคารทิสโก้ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ-รับเงินทันที ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินไปปิดหนี้ดอกเบี้ยสูง เป็นเงินทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลาน หรือนำเงินไปลงทุนต่อยอดธุรกิจเว็บหวยออนไลน์ ถูกกฎหมาย บาทละ 1000 เชื่อถือได้หลังเกษียณ ให้สินเชื่อเพื่อข้าราชการบำนาญมอบโอกาสให้คุณ

สำหรับสินเชื่อเพื่อข้าราชการบำนาญ มาพร้อมกับอัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้นปีแรก 3.5% ต่อปี ให้วงเงินสูงสุด 100% ตามที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดที่ออกโดยกรมบัญชีกลาง โดยให้ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อนานสูงสุดถึง 30 ปี และผู้ขอสินเชื่อได้รับเงินไว ภายใน 1 วันทำการหลังอนุมัติ

ผู้ที่สนใจต้องเป็นผู้รับบำนาญรายเดือนจากกรมบัญชีกลาง โดยมีสิทธิในเงินบำเหน็จตกทอดเป็นหลักประกัน และใช้เอกสารประกอบการพิจารณาสินเชื่อสำหรับลูกค้า ดังนี้

• สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขอสินเชื่อ

• สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอสินเชื่อ

• สำเนาใบเปลี่ยนชื่อสกุล (ถ้ามี)

• หนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอด เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกู้เงินตัวจริง

• สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีเงินฝากเพื่อรับวงเงินกู้

โปรโมชันพิเศษ! ยิ่งแนะนำมาก ยิ่งได้มาก สำหรับผู้ที่แนะนำจะได้รับเงินค่าแนะนำ 1,000 บาท/ราย และผู้ขอสินเชื่อจะได้รับฟรี! เครื่องวัดความดัน เมื่อได้รับอนุมัติสินเชื่อและรับวงเงินกู้ สำหรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษและโปรโมชันนี้ ผู้สนใจติดต่อได้ที่ธนาคารทิสโก้ หรือสาขาสมหวัง เงินสั่งได้ ทั่วประเทศ หรือคลิกสมัครได้ที่ https://link.somwang.co.th/1v7qwb หรือทาง LINE @Somwang ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 ธันวาคม 2565

หมายเหตุ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด บริษัทเป็นตัวแทนการขาย โดยธนาคารทิสโก้เป็นผู้ให้สินเชื่อ

คาดไม่ต่อมาตรการผ่อนคลาย LTV ฉุดมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์วูบหมื่นล้าน

Krungthai COMPASS ประเมินไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV ส่อฉุดมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลลดลงอย่างน้อย 1.05 หมื่นล้านบาท คาดตลาดปีนี้โต 3.3% ปีหน้าโตต่อเนื่องที่ 2.5%

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 Krungthai COMPASS ประเมินเบื้องต้นว่า การไม่ต่ออายุมาตรการผ่อนคลาย LTV มีโอกาสเป็น Downside ให้มูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลในปี 2566 ลดลงอย่างน้อย 10,500 ล้านบาท โดยผู้บริโภคที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากสุดคือ กลุ่มที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท ในสัญญา 2 และ 3 เป็นต้นไป ซึ่งหากอ้างอิงข้อมูลในอดีตพบว่าผู้บริโภคในกลุ่มนี้มีสัดส่วนราว 14% จากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยทั้งหมด

โดย Krungthai COMPASS มองตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2565-2566 ว่าจะอยู่ในทิศทางขยายตัวทั้งในฝั่งของความต้องการซื้อเว็บหวยออนไลน์ ถูกกฎหมาย บาทละ 1000 เชื่อถือได้จากการเติบโตของภาวะเศรษฐกิจและการกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติ เช่นเดียวกับการเปิดโครงการใหม่ ๆ ของผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยที่จะกลับมาอยู่ในระดับปีละ 90,000-100,000 ยูนิต อีกครั้งเพื่อชดเชยการเปิดโครงการใหม่ในระดับต่ำเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ตลาดยังมี Downside จาก 1) ดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งเราประเมินว่าทุก ๆ การขึ้นดอกเบี้ย 1% จะทำให้มูลค่าที่อยู่อาศัยสูงสุดที่ผู้บริโภคสามารถซื้อได้ลดลงไปราว 10% และทำให้ผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยมีกำไรสุทธิลดลง -0.56% ผ่านต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น

2) ต้นทุนพัฒนาโครงการที่ยังอยู่ในระดับสูง จากราคาวัสดุก่อสร้างที่ยังยืนสูง และราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และล่าสุดคือ 3) การสิ้นสุดลงของมาตรการผ่อนคลาย LTV ซึ่งส่งผลให้การกู้ซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2566 ทุกกรณี (ยกเว้นการซื้อที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 10 ล้านบาทในสัญญาแรก) ต้องกลับมาใช้เงินดาวน์ 10-30% ตามเดิม

ทั้งนี้ คาดตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปี 2565 จะมีมูลค่า 6.04 แสนล้านบาท ขยายตัว 3.3%ต่อปี (YOY) และเติบโตต่อเนื่องที่ 2.5% YOY ในปี 2566 โดยมีแรงสนับสนุนหลักจาก 1) การขยายของเศรษฐกิจไทย 2) การกลับมาของกำลังซื้อต่างชาติ และ 3) แนวโน้มที่ภาครัฐจะขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนองไปอีก 1 ปี

หุ้นไทยแกร่ง คาดหวังเฟดลดความร้อนแรงปรับขึ้นดอกเบี้ย

หุ้นปิดเช้าลบ 1.20 จุด แกร่งกว่าภูมิภาคคาดหวังเฟดลดความร้อนแรงปรับขึ้นดอกเบี้ย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายมีลุ้นดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้จากแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มน้ำมัน

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าย่อตัวลงเล็กน้อย ถือว่าแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ตอบรับ Sentiment ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ตามคาดการณ์ แต่ยังมีความหวังว่าอาจเห็นการชะลอขึ้นครั้งหน้าเหลือ 0.50% ในเดือน ธ.ค.นี้ รวมถึงปัจจัยในประเทศแข็งแกร่ง และดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สพลิกกลับมาเป็นบวกได้บ้างแล้ว

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,623.82 จุด ลดลง 1.20 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.07% มูลค่าการซื้อขายราว 27,891 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายมีลุ้นดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกได้จากแรงเก็งกำไรในหุ้นเว็บหวยออนไลน์ ถูกกฎหมายขนาดใหญ่ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มน้ำมัน

โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,630 จุด

หุ้นไทยผันผวนขาขึ้น คลายใจเฟด เก็งงบ+มาตรการ

บล.ฟิลลิป ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ผันผวนขาขึ้นในกรอบ 1,585-1,605 จุด คลายใจเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. เก็งงบไตรมาส 3/65 กลุ่มเรียลเซ็กเตอร์ บวกแรงซื้อหุ้นรับความหวังมาตรการกระตุ้นบริโภคและท่องเที่ยว สัปดาห์นี้จับตางบ Apple-Alphabet-Amazon-Microsoft

วันที่ 25 ตุลาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index ผันผวนอิงทางขึ้นในกรอบ 1,585-1,605 จุด ได้บรรยากาศบวกจากภายนอก หลังจากนักลงทุนลดคาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนธันวาคม เมื่อเจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวลต่อผลกระทบจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ตลาดมีความหวังต่อนายกฯอังกฤษคนใหม่ (นายริชี สุนัค) ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษจะเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา

ขณะที่นักลงทุนซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดีกำลังจับตางบบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐสัปดาห์นี้ ได้แก่ Apple, Alphabet, Amazon, Microsoft ส่วนภายในได้แรงเก็งกำไรงบเรียลเซ็กเตอร์ ประกอบกับแรงซื้อหุ้นรับความหวังตามมาตรการกระตุ้นบริโภคและท่องเที่ยว

รายละเอียดปัจจัยบวกคือ 1.Fed watch tool ของ CME Group บ่งชี้นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 53.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธันวาคม ลดลงจากเดิมที่ระดับ 75%

2.จีนเผย GDP ไตรมาส 3/65 ขยายตัว 3.9% สูงกว่าคาดที่ 3.3% ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนกันยายนปรับตัวขึ้น 6.3%

3.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยเศรษฐกิจภูมิภาคเดือนกันยายนฟื้นต่อเนื่องรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นใช้จ่ายภาครัฐ

4.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อัดแพ็กเกจเที่ยวยาวถึงไตรมาส 2/66 ดันรายได้ อุตสาหกรรมแตะ 2.38 ล้านล้านบาท

5.พาณิชย์ปลื้ม FTA ดันส่งออกเครื่องสำอาง 8 เดือนปีนี้พุ่ง 1.8 พันล้านดอลลาร์

ส่วนรายละเอียดปัจจัยลบคือ 1.จีนเปิดตัว 7 ผู้นำโปลิตบูโร หลัง “สี จิ้นผิง” นั่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ตลาดจับตาผู้นำโปลิตบูโรล้วนเป็นผู้สนับสนุนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ล่าสุดจีนล็อกดาวน์ซีอานสั่งประชาชนอยู่บ้าน 1 สัปดาห์

2.สหรัฐจอแบนส่งออกรอบใหม่ ขวางจีนเข้าถึงเทคโนโลยีควอนตัม-เอไอ

3.ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนตุลาคม คาดจะชะลอลงมาที่ 106 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 108

4.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผย GDP ภาคเกษตรไตรมาส 3/65 หดตัว 1.8% เหตุอากาศแปรปรวน-น้ำท่วม ฉุดทั้งปีคาดโต 2-3%

5.สภาผู้บริโภคแจกแจงประเด็นจ่อฟ้องศาลปกครองขอคุ้มครองระงับควบรวม TRUE-DTAC

โดยกลยุทธ์ลงทุนแนะนำธีม 1.ท่องเที่ยวเปิดเมือง BEM, CRC, ERW, AWC, AOT, AAV, ONEE 2.งบไตรมาส 3/65 อย่าง GLOBAL, PTTEP และ 3.ปรับเกณฑ์ turnover อย่าง DELTA, RATCH, COM7, BJC

โดยหุ้นเด่นวันนี้แนะนำ ONEE แนวรับ 9.60-9.75 บาท ราคาเป้าหมาย 10.30-10.70 บาท และ GLOBAL แนวรับ 19.30-19.60 บาท ราคาเป้าหมาย 20.40-20.70 บาท

EXIM BANK ผนึกกำลัง บสย. เติมทุน-ค้ำประกัน เปิดผลิตภัณฑ์นวัตกรรมการให้สินเชื่อแก่ Supply Chain การส่งออก

EXIM BANK ผนึกกำลัง บสย. เติมทุน-ค้ำประกัน เปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรมการให้สินเชื่อแก่ Supply Chain การส่งออก เดินเกมเปลี่ยนประเทศไทยเติมเต็มเศรษฐกิจฐานรากและวงจรธุรกิจส่งออก ดันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและเติบโตยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า การส่งออกเป็นเครื่องจักรสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนลุกลามจนกลายเป็นสงครามตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ได้บั่นทอนทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงราว 5% นับตั้งแต่เกิดสงคราม เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดและมีความเสี่ยงจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้นจากการนำเข้าน้ำมันในราคาที่สูงขึ้น หลายหน่วยงานเศรษฐกิจคาดการณ์ว่า GDP ประเทศไทยในปี 2565 จะขยายตัวไม่ถึง 3% จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด และความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยเงินเฟ้อเดือนมีนาคมอยู่ที่ 5.7% สูงสุดในรอบ 13 ปี กดดันกำลังซื้อและต้นทุนการผลิต

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปรียบเสมือน “มะเร็ง” ที่อาจลุกลามและสร้างแรงกดดันทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความเชื่อมั่นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย แม้ในระยะแรกอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในวงจำกัด เพราะไทยพึ่งพาการค้ากับรัสเซียและยูเครนเพียง 0.6% (รัสเซีย 0.5% ยูเครน 0.1%) ของมูลค่าการค้ารวมของไทย แต่อาจกดดันการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอยู่บ้าง โดยนับตั้งแต่เปิดประเทศเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวรัสเซียได้กลับเข้ามาในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย อย่างไรก็ตาม ภาวะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเริ่มได้รับผลกระทบทางอ้อมด้านราคา (Price Effect) ที่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่รัสเซียและยูเครนมีส่วนแบ่งในตลาดโลกค่อนข้างมาก ที่เห็นได้ชัดได้แก่ สินค้ากลุ่มพลังงาน โดยราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 40% จนเริ่มส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังธุรกิจที่พึ่งพาพลังงานสูง เช่น การขนส่ง โรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิล เหล็ก ซีเมนต์ รวมถึงกลุ่มธัญพืชที่จะกระทบต่อการผลิตอาหาร และกลุ่มแร่หายากที่จะกระทบต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมตามมา นอกจากนี้ ผลกระทบด้านราคาดังกล่าวยังอาจลุกลามจนกระทบอุปสงค์ในประเทศ การบริโภคถูกกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น การลงทุนอาจได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้การนำเข้าเครื่องจักรและสินค้าทุนมีราคาแพงขึ้น

 

ดร.รักษ์ กล่าวว่า เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยก้าวข้ามความเสี่ยงดังกล่าวและขยายตัวได้ต่อเนื่อง ผู้ส่งออกไทยภายใต้โลกยุค Next Normal ต้องพลิกโฉม Supply Chain ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การหาวัตถุดิบ การผลิต การกระจายสินค้า การขาย และตัวสินค้าเอง กล่าวคือ การหาวัตถุดิบเพื่อป้อนกระบวนการผลิตมุ่งเน้นแหล่งใกล้ๆ โดยเฉพาะภายในประเทศหรือภูมิภาคเดียวกันมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงด้านการขาดแคลนวัตถุดิบหรือข้อจำกัดของการขนส่งข้ามประเทศ การผลิตในแต่ละขั้นตอนเน้นการยกระดับเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและมูลค่าสินค้า การขนส่งและกระจายสินค้าต้องมีแผนสำรองอยู่เสมอ การขายสินค้าเน้นออนไลน์มากขึ้น สินค้าต้องมีอัตลักษณ์และสอดรับกับเมกะเทรนด์ยุคใหม่ เช่น การใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขณะที่ผู้ส่งออกไทยพึ่งพาวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เป็นส่วนใหญ่ คิดเป็น 70% ของมูลค่าส่งออกรวม และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ค่าขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น EXIM BANK จึงร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใน Supply Chain การส่งออกเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเสริมสภาพคล่องและยกระดับคุณภาพธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ผู้ส่งออก และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ตลอดทั้งกระบวนการของธุรกิจส่งออกและที่เกี่ยวเนื่องให้แข็งแกร่งและแข่งขันได้ในระดับสากล

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK และนายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นนวัตกรรมการให้สินเชื่อแก่ Supply Chain การส่งออก โดยนำ บสย. เข้ามาแทนหลักทรัพย์ค้ำประกันโดยสมบูรณ์และปลดล็อกให้ “บุคคล” สามารถกู้เงินทำธุรกิจเพื่อส่งมอบวัตถุดิบให้ผู้ส่งออก เติมเต็มสภาพคล่องให้แก่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ เพื่อกระตุ้นการส่งออกของไทยท่ามกลางปัจจัยท้าทายในปัจจุบัน

สินเชื่อเอ็กซิมเพื่อซัปพลายเออร์ส่งออก สำหรับนิติบุคคลและบุคคลที่ผลิต/จำหน่ายสินค้าและบริการให้แก่ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการที่ยังไม่พร้อมดำเนินธุรกิจส่งออก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย Prime Rate (เท่ากับ 5.75% ต่อปี ณ ปัจจุบัน) ตลอดอายุโครงการ 5 ปี ใช้เพียงหนังสือค้ำประกัน บสย. ร่วมกับผู้บริหารหลัก และ/หรือนิติบุคคลค้ำประกัน พิเศษ! ลดดอกเบี้ยอีก 0.75 % ในปีแรก สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือมีเอกสารรับรองคาร์บอนฟุตพรินต์ตามที่ธนาคารกำหนด

 

สินเชื่อ EXIM Logistics สำหรับผู้ให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทั้งทางเรือ ทางบก และทางอากาศ วงเงินกู้สูงสุด 20 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 5.0% ต่อปีในปีแรก สำหรับวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถใช้เพียงหนังสือค้ำประกัน บสย. ร่วมกับบุคคลหรือนิติบุคคลค้ำประกันเท่านั้น พิเศษ! ลดดอกเบี้ยอีก 0.50% ใน 2 ปีแรกสำหรับผู้เข้าร่วมงานและลงทะเบียนในกิจกรรมต่างๆ ของ EXIM BANK หรืออยู่ในสมาคมหรือเป็นสมาชิกตามที่ธนาคารกำหนด

ผู้สนใจสามารถขอรับบริการได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 มีนาคม 2566 สอบถาม EXIM Contact Center โทร.0-2169-9999 พิเศษ! หากขอสินเชื่อภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 รับส่วนลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปีในปีแรก ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ค่าธรรมเนียม Front-end Fee รวมลดเหลือเพียง 1% จากเดิม 2% กรณีใช้ บสย. ค้ำประกันร่วม เพื่อลดภาระผู้ประกอบการเพิ่มเติม

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บสย. กล่าวว่า บสย. พร้อมจับมือพันธมิตรเพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจส่งออก และภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยมีวงเงินค้ำประกันรวม 94,000 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 (PGS 9) ประกอบด้วย 3 โครงการสำคัญ ดังนี้

โครงการ บสย. SMEs นำเข้า-ส่งออก วงเงิน 1,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี

โครงการ บสย. SMEs เติมเต็มรายย่อย วงเงิน 8,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี

โครงการ บสย. SMEs ดีแน่นอน วงเงิน 85,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ปี
วงเงินค้ำประกันจำนวน 94,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบอย่างน้อย 116,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้จำนวน 20,600 ราย และยังช่วยรักษาการจ้างงานในระบบกว่า 600,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ถือเป็นภาระกิจสำคัญที่ บสย. ต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 พฤศจิกายน 2565 สอบถามศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs บสย. F.A.Center โทร.0-2890-9999 หรือ Line @doctor.tcg

“ท่ามกลางปัจจัยท้าทายรอบด้าน EXIM BANK ยังมุ่งสู่บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย เร่งเดินหน้าสานพลังกับพันธมิตร เช่น บสย. ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานอยู่ระหว่างพัฒนาเครื่องมือในการประเมินคุณภาพสินเชื่อ (Credit Scoring) และส่งต่อลูกค้าระหว่างกัน (Referral) เพื่อให้สามารถบริการแก่ผู้ประกอบการได้สะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น เร่งฟื้นเศรษฐกิจไทยและต่อยอดการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งของทั้ง 2 องค์กร ทำหน้าที่ซ่อม สร้าง และเสริมให้เศรษฐกิจตั้งแต่ระดับบุคคล ครัวเรือน ชุมชน ไปจนถึงโรงงานสามารถเติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ใช้ศักยภาพของตนเองบวกกับความได้เปรียบของประเทศเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างไร้พรมแดน สร้างเสน่ห์ของสินค้าไทยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีดิจิทัล และสุขภาพมากขึ้น สร้างเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Economy โดยสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันอย่างยั่งยืน” ดร.รักษ์ กล่าว

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket

ASW ท็อปฟอร์มไตรมาสแรกกวาดยอดพรีเซล 3,250 ล้านบาท ทะลุ 33%

 

ASW ไตรมาสแรกทำยอดขายพรีเซล 3,250 ล้านบาท คิดเป็น 33% จากเป้าหมายทั้งปีที่ 10,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 เดินหน้าเปิด 3 โครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมบนทำเลทอง มั่นใจหนุนยอดขายสร้างสถิติใหม่ที่ 10,000 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการสร้างยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2565 อยู่ที่ 3,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และคิดเป็น 33% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าด้วยยอดขายที่เติบโตได้ดี จะผลักดันยอดขายรวมปีนี้สร้างสถิติใหม่ที่ 10,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ยอดขายไตรมาสแรกที่ 3,250 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มคอนโดมิเนียมคิดเป็น 96% และกลุ่มบ้านจัดสรร 4% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 46% และกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (On Construction) 54%

“คีย์ซักเซสที่ผลักดันให้ ASW เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาฯ ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง มาจากที่เราเข้าใจ Consumer Insight พร้อมกับการออกแบบโครงการให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในหลากหลายมิติ ทั้งรูปแบบการ Work From Home การทำกิจกรรมต่างๆ และการพักผ่อนตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า ภายใต้การสร้างสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศที่เข้าใจผู้อยู่อาศัย เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีสอดแทรกเข้าไปกับการออกแบบโครงการ การใส่ใจรายละเอียด ตลอดจนความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อให้ลูกบ้านได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด พร้อมทั้งการบริหารงานที่มีการวิเคราะห์เน้นการศึกษาตลาด และการเลือกทำเลที่มีศักยภาพ” นายกรมเชษฐ์ กล่าว

ASW ท็อปฟอร์มไตรมาสแรกกวาดยอดพรีเซล 3,250 ล้านบาท ทะลุ 33%

ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 12,400 ล้านบาท โดยแผนงานไตรมาส 2/2565 จะเปิดตัว 3 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการแนวราบ Esta Rangsit Khlong 2 จำนวน 153 ยูนิต มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท 2) โครงการคอนโดมิเนียม Atmoz Flow Minburi จำนวน 739 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท และ 3) โครงการคอนโดมิเนียม Atmoz Portrait Srisaman จำนวน 678 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,150 ล้านบาท มั่นใจว่าด้วยศักยภาพโครงการ ทำเลที่โดดเด่น การออกแบบดีไซน์โครงการที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และแผนกลยุทธ์การตลาด จะผลักดันยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 39 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 38,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ จำนวน 31 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 8 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 7,338 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง
https://www.bangkokbiznews.com/business

จับตารายงานเฟด-สงครามรัสเซียหนุนเงินบาทผันผวน

แบงก์ประเมินกรอบเงินบาทเคลื่อนไหว 33.15-33.75 บาทต่อดอลลาร์ จับตา “รายงานการประชุมเฟด ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ลดงบดุล-เจรจาสันติภาพรัสเซียและยูเครน” หนุนเงินบาทผันผวน

วันที่ 3 เมษายน 2565 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า (วันที่ 4-8 เมษายน 65) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.25-33.75 บาทต่อดอลลาร์ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงรายงานการประชุมของเฟด โดยตลาดรอดูว่าจะมีการพูดถึงการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ยังไง และรายละเอียดของการลดงบดุลหรือไม่

ทั้งนี้ หากในรายงานมีเรื่องลดงบดุลจะลดแรงกว่าคาด ซึ่งอาจจะดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวขึ้นได้ ทำให้อาจเห็นแรงเทขายบอนด์ รวมถึงฝั่งไทยก็อาจจะโดนด้วย และอาจจะกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าได้

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ จะเป็นตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคบริการของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนการสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยแรงของสหรัฐฯ ได้หากตัวเลขออกมาค่อนข้างดี รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อของไทยที่คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงในระดับ 6%

อย่างไรก็ดี จะไม่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตามที่ธปท.ส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ ตลอดจนยังคงต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อเนื่อง เพราะมีผลต่อบรรยายตลาด

“ค่าเงินบาทยังคงมีความผันผวนและสวิงเยอะ และมีความเสี่ยงอ่อนค่าได้จากประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจเห็นบาทแข็งค่าได้ หรือสถานการณ์ยังไม่ดีบาทไปในทางอ่อนค่า ซึ่งแนวต้านอยู่ที่ 33.50-33.70 บาทต่อดอลลาร์”

สำหรับกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตลาดหุ้นซื้อสุทธิ 1.24 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดบอนด์ซื้อสุทธิ 9.9 พันล้านบาท

ขณะที่ฟันด์โฟลว์สัปดาห์หน้า ประเมินว่าตลาดหุ้นก็จะยังมีเงินไหลเข้าได้บ้าง แต่อาจจะเริ่มมีขายแล้ว เพราะว่า SET index จะแตะแนวต้าน แต่โดยรวม หุ้นน่าจะซื้อสุทธิมากกว่า 5 พันล้านบาท ส่วนบอนด์ มีฝรั่งมาซื้อตัวสั้นเยอะก็จริง แต่ก็เริ่มน้อยลง โดยสัปดาห์หน้าคิดว่าคงมีมาซื้อบ้าง

โดยสัญญาณนักลงทุนอาจจะมาทำพวกส่วนต่าง Arbitrage ซื้อบอนด์สั้นแบบต้นปีได้อยู่ แต่อาจไม่เยอะมาก เพราะส่วนต่างไม่เยอะ ส่วนบอนด์ยาว น่าจะมีมาขายบ้าง เพราะยีลด์ระยะยาวลงมาระดับนึง ดังนั้น ภาพรวมรวมคิดว่าอาจจะซื้อสุทธิ แต่ไม่เยอะมากอยู่ที่กว่า 5 พันล้านบาท

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรอบเคลื่อนไหวในสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 33.15-33.70 บาทต่อดอลลาร์ โดยต้องติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบล่าสุด และสถานการณ์ความคืบหน้าเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนต่างพันธบัตร (บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ) และทิศทางโควิด-19 ในจีนเป็นหลัก

โดยกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย มองว่ายังคงไหลเข้าหุ้นไทย แต่แนวโน้มอาจซึมลงก่อนเข้าสู่ช่วงเทศกาลอีสเตอร์ อีกทั้งขึ้นอยู่กับราคาพลังงานในตลาดโลก ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตและดุลการค้าของไทย ขณะที่เฟดมีแนวโน้มเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 2-3 ของปีนี้

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance