ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐร่วมเปิดตัวการให้บริการ dStatement

ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ร่วมเปิดตัวการให้บริการ dStatement รับส่งข้อมูลลูกค้ากันได้ระหว่างธนาคาร เพื่อลดต้นทุนมากถึง 2,500-3,000 ล้านบาท และสะดวก ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อง่าย ย้ำระวังความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล พร้อมเชื่อมต่อข้อมูลกับนอนแบงก์ และต่อยอดไปยังบริการอื่น

บริการ dStatement (digital bank statement) เป็นการให้บริการรับส่งข้อมูลรายการเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก (bank statement) ในรูปแบบดิจิทัลโดยตรงระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนที่ต้องการใช้ข้อมูลซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ bank statement เป็นหลักฐานประกอบการสมัครขอใช้บริการทางการเงิน สามารถขอให้ธนาคารที่ตนเองมีบัญชีเงินฝากอยู่ ส่งข้อมูล bank statement ไปยังธนาคารแห่งอื่นได้โดยตรง ผ่านช่องทาง mobile banking application หรือช่องทางอื่นตามที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งกำหนด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการใช้บริการทางการเงินยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องขอข้อมูลดังกล่าวในรูปเอกสารกระดาษ โดยในระยะแรกของการให้บริการ dStatement จะเริ่มใช้สำหรับการสมัครขอสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลและมีธนาคารที่เปิดให้บริการ dStatement ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2565 เป็นต้นไป จำนวน 6 ธนาคาร และจะทยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 5 ธนาคาร ภายในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 (รายละเอียดตามเอกสารแนบท้าย) การให้บริการ dStatement ถือเป็นโครงการนำร่องโครงการแรกภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือ “การพัฒนามาตรฐานและใช้มาตรฐานข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งเสริมบริการทางการเงิน”

ธนาคารสมาชิกของสมาคมธนาคารไทย สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และสมาคมธนาคารนานาชาติ ได้ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการทางการเงินสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองที่มีอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละแห่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเลือกใช้บริการทางการเงินที่หลากหลายจากสถาบันการเงินแห่งอื่นๆ ได้โดยสะดวก รวดเร็ว และตรงตามความต้องการของตนเองยิ่งขึ้น และถือเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่จะช่วยสนับสนุนการยกระดับบริการทางการเงินสู่บริการทางการเงินดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า พัฒนาการด้านเทคโนโลยีในช่วงที่ผ่านมาเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งให้ระบบการเงินของประเทศก้าวสู่โลกการเงินดิจิทัล ดังนั้นการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างให้ทั้งผู้ใช้บริการทางการเงินและผู้ให้บริการทางการเงินสามารถใช้เทคโนโลยีและข้อมูลที่มีให้เกิดประโยชน์ เพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมในการให้บริการและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ได้หลากหลายอย่างเสรี จึงเป็นสิ่งสำคัญ และการเปิดตัวบริการ dStatement

ในวันนี้ ถือเป็นการปักหมุดจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศที่เปิดกว้างในการแบ่งปันข้อมูล (open data ecosystem) เพื่อวางรากฐานที่จำเป็นให้ภาคการเงินไทยพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งระบบนิเวศนี้จะช่วยปลดล็อกให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองเพื่อเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมากขึ้น และอนาคตจะขยายบริการไปยังนอนแบงก์ รวมถึงผู้ประกอบการอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นก้าวแรกของการรวมข้อมูล ที่จะต่อยอดไปยังบริการอื่นได้อีก

“ธปท.ได้หารือกับสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยช่องทางดิจิทัลจะเป็นการอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนได้อย่างมาก d Statement จะช่วยลดต้นทุนได้สูงถึง 2,500-3,000 ล้านบาท หากมีการใช้ระบบดังกล่าวจำนวนมาก จากปกติมีคำขอสินเชื่อต่อปีประมาณ 10 ล้านคำขอ 1 คำขอสินเชื่อจะใข้ต้นทุนประมาณ 500 บาทต่อ 1 คำขอ ในปีแรกคาดหวังว่าจะใช้บริการ d Statement ประมาณ 5-10% ของคำขอทั้งหมด หรือคิดเป็น 5 แสน-1 ล้านคำขอ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกสนับสนุนการพัฒนาบริการ dStatement มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สะดวก และเป็นธรรม โดยบริการ dStatement เป็นตัวอย่างการสร้างระบบนิเวศด้านข้อมูลของภาคการเงิน เอื้อให้เกิดนวัตกรรมบริการทางการเงินบนช่องทางดิจิทัลเพิ่มเติม ส่งผลให้ประชาชนได้รับบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ตรงจุดขึ้น มีความสะดวกรวดเร็ว และช่วยยกระดับการให้บริการของธนาคารแต่ละแห่งให้สอดคล้องกับกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ในการนำระบบเทคโนโลยีมาสร้างความเข้มแข็งให้อุตสาหกรรมธนาคาร (Enable Country Competitiveness) ผ่านการสร้างแนวทางการเชื่อมโยงข้อมูลและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ลดต้นทุนจากกิจกรรมที่ซ้ำซ้อนกันโดยไม่จำเป็น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และรองรับการเปลี่ยนแปลงของภาคธนาคารในอนาคต เป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

โดยมีธนาคารที่พร้อมจะให้บริการในเดือนมิถุนายน 6 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ ธนาคารเกียตนาคินภัทร และเดือนเมษายนจะทยอยเบ้ามาให้บริการอย่างต่อเนื่องรรม 11 แห่ง

นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินของรัฐมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านบริการทางการเงินแก่ประชาชนด้วยฐานลูกค้าที่ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม และเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองได้มากยิ่งขึ้น จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกขึ้น โดยมีภาระต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสมาคมสถาบันการเงินของรัฐและสมาชิกได้ให้การสนับสนุนความร่วมมือของโครงการนี้มาโดยตลอด

 

ธปท. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐหวังว่าบริการ dStatement นี้จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์และประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นในการใช้บริการการเงินดิจิทัล โดยในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าจะยังมีความร่วมมือในการขยายขอบเขตการให้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้บริการเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายผ่านช่องทางดิจิทัลที่สะดวกและรวดเร็ว ขณะที่ผู้ให้บริการสามารถพัฒนาบริการทางการเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ รายละเอียดและเงื่อนไขการใช้บริการ dStatement ของแต่ละธนาคารสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จาก website หรือช่องทางการประชาสัมพันธ์อื่นๆ ของแต่ละธนาคารที่ร่วมให้บริการ

สำหรับ Bank statementแบบเดิมที่ใช้กระดาษไม่มีการกำหนดค่าธรรมเนียมเพดานสูงสุดไว้ ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารจะกำหนดค่าธรรมเนียมเอง

จากการสำรวจ ธพ.ส่วนใหญ่จะคิดราคา 100 บาทต่อบัญชีหากขอย้อนหลังไม่เกิน 6 เดือนและคิดราคา 200 บาทต่อบัญชีหากขอย้อนหลังตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี

หากขอย้อนหลังมากกว่า 1 ปี บางธนาคารอาจคิดมากกว่า 200 บาท ขึ้นกับข้อจำกัดด้านระบบของแต่ละธนาคาร

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ชูกลยุทธ์ Major Petscapeครั้งแรกกับฟังก์ชันใหม่! Cat Haus-Multi-Pet Playroom

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้นำ Pet-Friendly Residences ตอกย้ำแนวคิด Major Petscape ตอบสนองความต้องการในทุกมิติของการใช้ชีวิตร่วมกันของคนและสัตว์เลี้ยง ขยายพื้นที่ Facilities และเพิ่มฟังก์ชันพิเศษในโครงการ “เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” อาทิ Multi-Pet Playroom, Cat Haus, Pet Park อลังการ มุ่งตอบโจทย์การเลี้ยงสัตว์ที่ครอบคลุมหลากสายพันธุ์ อาทิ สุนัข แมว นก กระต่าย หนู พร้อมมอบประสบการณ์เพื่อความสุขในการใช้ชีวิตกับสัตว์เลี้ยง

น.ส.เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรีและคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-Friendly Residences) กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นผู้พัฒนารูปแบบการใช้ชีวิตดูหนังฟรีออนไลน์ 2022 (Lifescape Developer) สร้างสรรค์และพัฒนาทุกรายละเอียดอย่างมีคุณค่าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย พร้อมตอบสนองความต้องการในทุกมิติของการใช้ชีวิตร่วมกันของคนและสัตว์เลี้ยงผ่านแนวคิด “Major Petscape” ล่าสุด ได้ขยายบริการและออกแบบทุกพื้นที่ของโครงการเมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว (Metris District Ladprao) คอนโดมิเนียมระดับ Mid-End บนทำเลใจกลางเมืองให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ คนรักสัตว์ ครอบคลุมการเลี้ยงสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ส่งมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับกับลูกบ้านและสัตว์เลี้ยงตัวโปรดในทุกช่วงเวลา

 

“เราออกแบบพื้นที่ภายในโครงการด้วยหลักPetscape Design คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะที่ดีของสัตว์เลี้ยง ทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ภายในห้องชุด ที่ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จึงมั่นใจได้ว่าทุกรายละเอียดได้รับการออกแบบอย่างใส่ใจ เพื่อให้สัตว์เลี้ยงทุกตัว ภายในโครงการเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม”

ด้าน สพ.ญ.นวพร ชวนปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า ในทุกๆปีตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีการเติบโตประมาณ 5-10% โดยปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ การเพิ่มจำนวนของคนโสด คู่รักที่ไม่มีบุตร คู่รักกลุ่ม LGBTQ และจำนวนผู้สูงอายุที่มีมากขึ้น รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้หลายคนใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น ดังนั้นสัตว์เลี้ยงจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สามารถช่วยคลายความเหงาได้ สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้ความนิยมมากที่สุด คือ สุนัขและแมว นอกจากนี้ยังมีสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์เล็ก เช่น กระต่าย หนู นก ปลาทอง Exotic pet ก็ได้รับความนิยมด้วยเช่นกัน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลี้ยงสัตว์ นั่นก็คือพื้นที่และขนาดของอยู่อาศัยที่เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดความอึดอัดหรือสัตว์เลี้ยงเกิดความเครียด และมีฟังก์ชันรองรับการเลี้ยงสัตว์ได้ อีกทั้งโครงการจะต้องมีกฏระเบียบของการอยู่อาศัยระหว่างคนและสัตว์เลี้ยงที่ชัดเจน รวมถึงการให้การรักษาพยาบาลที่ดี เพื่อให้สัตว์เลี้ยงมีอายุยืนยาว ช่วยสร้างความสุขให้กับคนและสัตว์อย่างสมบูรณ์แบบ

 

น.ส.เพชรลดา กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยงในโครงการ ด้วยการสร้างสรรค์ชุมชนคนรักสัตว์ หรือ Pet Communityพื้นที่แลกเปลี่ยนสำหรับลูกบ้านเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และ Petscape Guide ข้อปฏิบัติในการอยู่อาศัยที่ชัดเจน สร้างสมดุลความสุขให้ทั้งลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว รวมถึง Petscape Privilege โดยผนึกพลังกับหลากพันธมิตรเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกบ้านเจ้าของและสัตว์เลี้ยง ช่วยสร้างความ สุขใจ ความมั่นใจ และความอุ่นใจให้กับเจ้าของและสัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในโครงการเมเจอร์ฯ

ทั้งนี้ โครงการเมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว (Metris District Ladprao) โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงที่หลากหลาย พร้อมตอบโจทย์การเลี้ยงสัตว์ที่ครอบคลุมหลากสายพันธุ์ ทั้งสุนัข แมว นก กระต่าย หนู และสัตว์อื่นๆ อาทิ Multi-Pet Play Room พื้นที่ส่วนกลางเพื่อสัตว์เลี้ยงทางเลือก Cat Haus พื้นที่สำหรับแมวที่มีมุมวิ่งเล่นมากมาย เช่น คอนโดแมว สไลเดอร์แมว เป็นต้น Pet Park สวนสีเขียวขนาดใหญ่สำหรับนำสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นออกกำลังกายในบริเวณที่กว้างขวาง

 

สำหรับโครงการเมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว คอนโดมิเนียม High Rise สูง 45 ชั้น ขนาด 3-2-14.3 ไร่ ภายใต้คอนเซปต์ MAXIMALIFE ให้ชีวิตไร้ขีดจำกัด ตอบโจทย์ชีวิต Next Normal โดดเด่นด้วย Maximal Facilities พื้นที่ส่วนกลางที่ครบครันมากที่สุด อาทิ ผสานความเป็นธรรมชาติเข้าไปในทุกๆ ชั้นของโครงการ ทั้ง Sensory Garden สวนสีเขียวขนาดใหญ่ Therapy Garden สวนไม้นานาพันธุ์บริเวณชั้น 8 และ Sky Botanique สวนลอยฟ้าที่เชื่อมต่อความเขียวขจีของสวนรถไฟมองไล่ระดับไปจนถึงชั้นดาดฟ้า พร้อมต้นไม้จะช่วยดักจับฝุ่นและช่วยกรองอากาศ พื้นที่ส่วนกลางสำหรับทำงานและออกกำลัง เช่น Double Volume Lobby, Co-Working Lounge, Multi-Sport Carpark, Panoramic Gym และ Sky Facilities ประกอบด้วย Sky Pool พร้อม Jacuzzi บนชั้น 43, Sky Lounge, Sky Urban Farm และ Party Deck พื้นที่สังสรรค์บนชั้นสูงสุดยามค่ำคืน รวมถึง Next Normal Features อาทิ เครื่องปรับอากาศที่มีระบบกรอง PM2.5 ระบบ Face Scan ก่อนเข้าอาคาร ระบบฆ่าเชื้อโรคภายในห้องเก็บพัสดุ และปุ่มลิฟต์แบบไร้สัมผัส ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่

โดยโครงการ “เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” เตรียมเปิดให้ชมห้องต้วอย่างที่สำนักงานขายโครงการในเดือน มี.ค.65 สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารการจองโครงการก่อนใครที่ www.major.co.th/th/project/metrisdistrictladprao/register

สำหรับบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซูรี มีธุรกิจหลักในเครืออยู่ 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย 2.กลุ่มโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เช่น ออฟฟิศและโรงแรม 3.กลุ่มธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ มีวิสัยทัศน์ในการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างโครงการระดับลักซูรีที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

 

ซีเย็คสุดยอด,ไก่ลูกไล่สิงห์บลูส์! 5 ประเด็นเกมเชลซีข่มสเปอร์สจมดิน

เป็นอันว่า เชลซี มีชัยเหนือ สเปอร์ส อีกตามเคยเมื่อเปิดสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ย้ำแค้นทีมร่วมเมืองได้อีกหนในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ม.ค.

จากชัยชนะดังกล่าว ส่งผลให้ สิงห์บลูส์ ครองความเป็นเจ้าแห่งลอนดอนอย่างเต็มตัวเนื่องจากพวกเขาเป็นทีมแรกของเว็บคาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมายเมืองหลวงที่โกยแต้มเข้ากระเป๋าได้เกินหลัก 500 แต้มไปแล้ว (501 แต้ม) จากการทำศึก พรีเมียร์ลีก ลอนดอนดาร์บี้แม็ตช์ เป็นเกมที่ 272

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากสถิติที่ว่า ยังมีอีก 5 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

 

1.ฟุตบอลมีชนะ และมีชนะ

ก่อนเกมบู๊กับ สเปอร์ส ในคราวล่าสุด โธมัส ทูเคิ่ล ให้สัมภาษณ์ว่า เชลซี ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่มีภาษีเหนือกว่า สเปอร์ส เลยแม้ทีมของเขาจะเอาชนะ ไก่เดือยทอง ได้ก่อนหน้านี้สองนัด

นั่นเป็นเพราะว่าฟุตบอลมีแพ้มีชนะ และไม่นัดใดก็นัดหนึ่ง สเปอร์ส อาจเป็นฝ่ายได้เฮฮาบ้างก็ได้

อย่างไรก็ดี จากสกอร์รวมสองนัด 3-0 ของเกม คาราบาวคัพ รอบตัดเชือก มันแสดงให้เห็นว่า สิงห์บลูส์ เหนือกว่า ไก่เดือยทอง หลายขุม และในที่สุดพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกหนด้วยการพิชิตทีมร่วมเมือง 2-0 ชนิดที่เก็บคลีนชีตได้เรียบวุธ

เท่ากับว่าบางทีหากคู่นี้ได้ดวลกันอีกในระยะเวลาอันสั้น ผลลัพธ์อาจเป็นเหมือนการฉายหนังม้วนเดิมอีกก็ได้ แม้ฟุตบอลจะมีแพ้มีชนะ แต่สำหรับ เชลซี มีแต่ชนะ และชนะ สเปอร์ส ยันเต

 

2.สถิติที่น่าเจ็บปวดของ ไก่เดือยทอง

หลังจบเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ มีการแฉสถิติที่เลวร้ายของฝั่ง สเปอร์ส ซึ่งตกเป็นเบี้ยล่าง เชลซี มานานแสนนานดังต่อไปนี้

-สเปอร์ส เจอกับ เชลซี หกนัดหลังโดยไม่อาจยิงประตูได้เลยแม้แต่ลูกเดียวซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดของสโมสรในการดวลกับอริรายเดียวกัน และมันรวมเวลา 547 นาทีเข้าไปแล้วที่พวกเขากระสุนด้านโดยคนสุดท้ายที่คลำเป้า สิงห์บลูส์ ได้คือ เอริค ลาเมล่า ในเดือนก.ย.2020

-ถึงตอนนี้ สเปอร์ส บุกมาชนะ เชลซี ได้แค่หนเดียวเท่านั้นจาก 37 นัดหลังสุด

-เชลซี ชนะ สเปอร์ส ได้สี่นัดติดต่อกันในทุกรายการของซีซั่นนี้ (สกอร์รวม 8-0) อันทำให้ สิงห์บลูส์ เป็นทีมแรกของ พรีเมียร์ลีก ที่เผด็จศึกคู่แข่งรายเดียวกันได้สี่นัดรวดในซีซั่นเดียวกันต่อจากที่ แมนฯ ซิตี้ ข่ม เวสต์แฮม ในซีซั่น 2013/14 แถม สิงห์บลูส์ ยังเป็นทีมแรกที่พิชิตคู่แข่งหน้าเดิมได้สามนัดรวดในเดือนเดียวกันถัดจากที่ แอสตัน วิลล่า มีชัยเหนือ แบล็คเบิร์น ในเดือนม.ค.2010 ด้วย

 

3.แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์

จะใครซะอีกถ้าไม่ใช่ ฮาคิม ซีเย็ค สตาร์ทีมชาติโมร็อคโกซึ่งกดประตูเบิกร่องในเกมพา สิงห์บลูส์ ออกนำได้อย่างสุดฮือฮา

และมันเป็นประตูที่สองติดต่อกันในสองเกมที่เขาซัดให้กับเศรษฐีลอนดอนได้ต่อจากเกมที่บุกไปโดน ไบรท์ตัน ตีเสมอ 1-1

ต่อผลงานโดยรวมในเกมสยบ สเปอร์ส 2-0 ของ ซีเย็ค มีการตีแผ่ตัวเลขในแง่มุมต่างๆออกมาดังนี้

ประตู : 1

พยายามสับไก : 5

สัมผัสบอล : 96

ผ่านบอลสำคัญ : 2

เลี้ยงบอลหนีคู่แข่ง : 2

โยนบอล : 10

ได้ฟาวล์ : 3

เข้าปะทะ : 4

ถึงขณะนี้ ซีเย็ค กระทุ้งประตูในเกมลีกให้ต้นสังกัดไปแล้วห้าเม็ด และมันเกิดขึ้นในห้าสนามที่แตกต่างกัน ไล่ตั้งแต่ เทิร์ฟ มัวร์ , เอติฮัด สเตเดี้ยม , วิคาเรจ โร้ด , เอแม็กซ์ สเตเดี้ยม และ สแตมฟอร์ด บริดจ์

4.ขุมกำลังที่เทียบกันไม่ได้

นอกจากฟอร์มการเล่นจะเทียบกันไม่ได้อย่างที่ คอนเต้ ยอมรับตามตรงตลอดทั้งสามเกมหลังที่บู๊กันแล้ว ขุมกำลังเชิงลึกของสองทีมลอนดอนยังต่างกันราวฟ้ากับเหวอีกด้วย

เพราะในขณะที่ ซน ฮึง มิน บาดเจ็บ แฮร์รี่ เคน ก็ต้องแบกความรับผิดชอบในการสอยตาข่ายอย่างหนัก และว่ากันตามจริง คอนเต้ น่าจะเสียสถิติแพ้ในเกมลีกอิงลิชนัดแรกก่อนหน้านี้ที่บุกไปคว่ำ เลสเตอร์ ได้อย่างสุดระทึก 3-2 แล้วด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความมหัศจรรย์ของ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น ซึ่งซัดสองเม็ดในช่วงทดเวลาพา สเปอร์ส หยิบสามแต้มได้อย่างเหลือเชื่อทำให้ดาวเตะทีมชาติฮอลแลนด์ได้รางวัลตอบแทนคุณงามความดีด้วยการลงเล่นเป็นตัวจริงกับ เชลซี ทั้งๆที่ว่ากันว่าเขาไม่อยู่ในแผนของกุนซืออิตาเลี่ยน

อย่างไรก็ดี ในเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เบิร์กไวน์จ ไม่อาจช่วยอะไร ไก่เดือยทอง ได้เลยแม้จะอยู่ในสนามครบ 90 นาทีเนื่องจาก เชลซี ไม่ใช่ เลสเตอร์ ที่มีโรคประจำตัวแก้ไม่หาย ตาข่ายทะลุในช่วงท้ายยันเต ล่าสุดยังไม่วายขยันเสียประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงท้ายเกมให้กับ ไบรท์ตัน อีกจนได้

และในเมื่อตัวสำรองของ ไก่เดือยทอง ไม่ใช่พวกเกรดหัวแถว คอนเต้ จึงแก้ไขสถานการณ์ได้ลำบาก ต่างไปจาก ทูเคิ่ล ที่สามารถส่งใครลงไปเล่นแทน 11 ตัวแรกได้อย่างสบายเนื่องจาก สิงห์บลูส์ อัดแน่นไปด้วยดาวเตะระดับคุณภาพเต็มซุ้มม้านั่งข้างสนาม

 

5. อนาคตของสองดาวเตะ ไก่เดือยทอง

การปราศจาก เดเล่ อัลลี่ ในเกมบุกเยือน เชลซี ส่งผลให้มีการทึกทักกันว่า คอนเต้ ต้องการโละกองกลางอังกฤษออกจากทีมในเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขายขาด หรือยืมตัวโดยมี นิวคาสเซิ่ล (อีกแล้วครับท่าน) ถูกลือว่าสนใจรับเซ้งต่อ

และแม้ผู้จัดการทีมชาวเมืองพิซซ่าจะไม่ขอคอมเมนต์เรื่องที่ว่าหลังจากเกมจบลง แต่การโยนให้สโมสรตัดสินใจอนาคตของนักเตะย่อมบ่งบอกอยู่ในทีว่าพ่อค้าแข้งวัย 25 ปีไม่เป็นที่ต้องการของเขา

เท่านั้นไม่พอ นอกจาก อัลลี่ แล้ว โจวานี่ โล เซลโซ่ ก็เป็นอีกรายที่ไม่มีส่วนร่วมในเกมบู๊กับ สิงห์บลูส์

กระทั่งเชื่อกันว่าดาวเตะอาร์เจนไตน์น่าจะต้องระเห็จออกจาก ท๊อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เช่นกันเนื่องจากเจ้าตัวยืนยันผ่านอินสตาแกรมก่อนเกมว่าฟิตเต็มถัง

“ผมอยากเคลียร์ว่าผมฟิตร้อยเปอร์เซนต์ ผมไม่มีปัญหาอะไร ผมสบายดี ผมหวังว่าทีมจะชนะดาร์บี้แม็ตช์ในวันนี้”

เลสเตอร์งานหนัก “ดาก้า” ค้ำหน้าดวลไบรท์ตันที่มี “โมเปย์” เป็นตัวทีเด็ด

“สุนัขจิ้งจอก” ผลงานแกว่งล่าสุดพ่าย สเปอร์ส แบบสุดช็อกความพร้อมเกมนี้ไร้ปัญหากวนใจแต่ยังไร้ เจมี่ วาร์ดี้ แนวรุกจึงเป็นหน้าที่ของ แพ็ตสัน ดาก้า ส่วนทาง “นกนางนวล” ฟอร์มเหนียวแน่นไม่แพ้มา 5 เกมติดวาง นีล โมเปย์ ล่าสกอร์สู้ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ที่ 23 มกราคมนี้

ปรีวิวเว็บคาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมายฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2565
เลสเตอร์ (11) – ไบรท์ตัน (9)
เวลา : 21.00 น. ถ่ายทอดสด : ทรู พรีเมียร์ เอชดี 4
สนาม : คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

เลสเตอร์

เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือเลสเตอร์ พาทีมแพ้สเปอร์สแบบสุดช็อก 2-3 หลังโดนรัว 2 เม็ดในช่วงทดเจ็บ ในเกมล่าสุด เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 3 เกม

ความพร้อมเกมนี้ “น้าบีร็อด” ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม แถมได้แดเนี่ยล อมาร์ตีย์ (กานา) ที่ตกรอบเนชั่นส์ คัพ กลับมาเป็นตัวเลือก แต่ในรายของเคเลชี่ อิเฮียนาโช่ (ไนจีเรีย), วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ (ไนจีเรีย) และ น็อมปาลิส เมนดี้ (เซเนกัล) ยังไม่เสร็จภารกิจ

ส่วนพวกที่เดี้ยงอยู่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นติโมธี คาสตาญ (ต้นขา), เจมี่ วาร์ดี้ (เอ็นหลังหัวเข่า), ไรอัน เบอร์ทรานด์ (เข่า), ริคาร์โด้ เปเรยร่า (กระดูกขา), จอนนี่ อีแวนส์ (เอ็นหลังหัวเข่า) และ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า (ขา) ยังชวดเหมือนเดิม

ไบรท์ตัน

เกรแฮม พ็อตเตอร์ กุนซือไบรท์ตัน พาทีมเสมอเชลซี 1-1 ในเกมล่าสุด ทำให้ไม่แพ้มา 6 เกมแล้ว

ความพร้อมเกมนี้ “น้าพ็อตเตอร์” ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนเพิ่มเติม ขาดแต่พวกที่ไม่พร้อมอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอดัม ลัลลาน่า (เอ็นหลังหัวเข่า), เชน ดัฟฟี่ (ข้อเท้า), เอน็อค เอ็มเวปู (เอ็นหลังหัวเข่า), ลูอิส ดังค์ (เข่า), เจสัน สตีล (หลัง) และ เจเรมี่ ซาร์เมียนโต้ (เอ็นหลังหัวเข่า) ที่เดี้ยงทั้งหมด รวมไปถึงอีฟส์ บิสซูม่า (มาลี) ที่ไปทำศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

การจัดทัพเชื่อว่าน่าจะมีการปรับ นีล โมเปย์ และ เลอันโดร ตรอสซาร์ 2 แนวรุกตัวหลักที่เป็นแค่สำรองในเกมก่อน ก็น่าจะคืนทัพตามปกติ

นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม

เลสเตอร์ (3-4-1-2) : คาสเปอร์ ชไมเคิ่ล – ฮัมซ่า ชาวดรี, ซากลาร์ โซยุนชู, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด – มาร์ค อัลไบรท์ตัน, ยูริ ตีเลมันส์, เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์, ลุค โธมัส – เจมส์ แมดดิสัน – แพ็ตสัน ดาก้า, อเดโล่า ลุคแมน (ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์)

ผู้จัดการทีม : เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

ไบรท์ตัน (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ – โยเอล เฟลท์มัน, อดัม เว็บสเตอร์, แดน เบิร์น, มาร์ก กูกูเรย่า – ยาคุบ โมเดอร์, ปาสกาล โกรสส์ – โซลลี่ มาร์ช, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เลอันโดร ตรอสซาร์ – นีล โมเปย์

ผู้จัดการทีม : เกรแฮม พ็อตเตอร์

ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

ผลการพบกัน 5 นัดหลังสุด

28/10/21 ลีก คัพเลสเตอร์ 2 – 2 ไบรท์ตัน
19/09/21 พรีเมียร์ลีกไบรท์ตัน2 – 1เลสเตอร์
07/03/21 พรีเมียร์ลีกไบรท์ตัน1 – 2เลสเตอร์
11/02/21 เอฟเอ คัพเลสเตอร์1 – 0ไบรท์ตัน
14/12/20 พรีเมียร์ลีกเลสเตอร์3 – 0ไบรท์ตัน

ผลงาน 5 นัดหลังสุด

เลสเตอร์

19/01/22 แพ้ สเปอร์ส 2-3 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
08/01/22 ชนะ วัตฟอร์ด 4-1 (เหย้า) เอฟเอ คัพ
28/12/21 ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
26/12/21 แพ้ แมนฯ ซิตี้ 3-6 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
22/12/21 เสมอ ลิเวอร์พูล 3-3 (แพ้จุดโทษ 4-5, เยือน) ลีก คัพ

ไบรท์ตัน

18/01/22 เสมอ เชลซี 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
14/01/22 เสมอ คริสตัล พาเลซ 1-1 (เหย้า) พรีเมียร์ลีก
08/01/22 เสมอ เวสต์บรอมวิชฯ 1-1 (ต่อเวลาชนะ 2-1, เยือน) เอฟเอ คัพ
02/01/22 ชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-2 (เยือน) พรีเมียร์ลีก
29/12/21 เสมอ เชลซี 1-1 (เยือน) พรีเมียร์ลีก

เรื่องใหม่ในตลาดที่อยู่อาศัย EEC “บ้าน-คอนโดมือสอง” เด้งรับลดค่าโอน-จำนอง

ไตรมาส 3/64 ตลาดที่อยู่อาศัยโซน EEC ทำสถิตินิวไฮในด้านซัพพลายจากการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี หรือในรอบ 34 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาส 2/56

จึงเป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันต่อไปว่า ตลาด EEC 3 จังหวัด (ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา) จะสามารถพลิกฟื้นจากสถานการณ์โควิดได้หรือไม่ บนความหวังของคนในวงการอสังหาริมทรัพย์ว่า ปี 2565 เริ่มมีสัญญาณบวกดูหนังฟรีออนไลน์ 2022ดีกว่ายุคโควิด 2 ปี (2563-2564) ที่ผ่านมา

“ซัพพลาย-ดีมานด์” ขาลง
“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ( REIC) ระบุว่า ภาพรวมตลาดในพื้นที่รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3/64 ดังนี้

“ฝั่งซัพพลาย” พบว่าการออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี (2556-2564) และการออกใบอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (2560-2564) แต่มีทิศทางดีขึ้น โดยไตรมาส 3/64 เริ่มปรับตัวเป็นบวก 13.3% เทียบกับไตรมาส 2/64

“ฝั่งดีมานด์” พบว่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่มีจำนวนหน่วยลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 นับตั้งแต่ไตรมาส 2/62 ที่เริ่มประกาศใช้มาตรการ LTV-loan to value ของธนาคารแห่งประเทศไทย สาระสำคัญ LTV เป็นมาตรการบังคับเงินดาวน์ 20% ในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียมหลังที่ 2 เป็นต้นไป

จีดีพีชะลอ-อสังหาเดี้ยงตาม
ในภาพใหญ่ตัวเลขเศรษฐกิจไทย 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2564) ขยายตัวติดลบในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ -2.6% ไตรมาส 2/64 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.6% แต่เป็นการขยายตัวจากภาวะเศรษฐกิจที่ต่ำผิดปกติเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ขณะที่ไตรมาส 3/64 กลับมาติดลบอีกครั้ง -0.3%

ส่งผลให้ซัพพลาย 9 เดือนแรกหดตัวชัดเจน โดยใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจำนวนโครงการติดลบ -31.3% จำนวนหน่วยติดลบ -34.6% การออกใบอนุญาตก่อสร้างเพิ่มขึ้น 9.1% โดยมีข้อสังเกตว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำผิดปกติเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนหน่วยลดลง -18.3% และมูลค่าลดลง -16.3%

ส่อง 6 ปัจจัยบวกฟื้นเชื่อมั่น
สำหรับภาพรวมทั้งปี 2564 พบว่ามีปัจจัยบวกนานาประการ เริ่มจาก 1.อัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำมาก 2.รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ลดค่าโอน-จดจำนองที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ไม่เกิน 3 ล้านบาทถึงสิ้นปี 2564 3.ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Property Tax) เหลือ 10% ช่วยลดภาระผู้ซื้อและผู้ขาย

4.แบงก์ชาติประกาศผ่อนคลายมาตรการ LTV จากเดิมบังคับเงินดาวน์ 20-30% ในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2-3 ปรับเป็น LTV 100% สำหรับสัญญาเงินกู้ตั้งแต่ 20 ตุลาคม 2564-31 ธันวาคม 2565 นับเป็นปัจจัยที่มีส่วนทำให้ยอดโอนในจังหวัด EEC ลดลงไม่รุนแรงตามที่คาดการณ์กันไว้ตั้งแต่ต้นปี 2564

5.นโยบายเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2564 โดย “ชลบุรี-ระยอง” ถูกกำหนดเป็นพื้นที่สีฟ้านำร่องการท่องเที่ยว และ 6.สภาพัฒน์ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปี 2564 จะขยายตัวเป็นบวก 1.2% เทียบกับจีดีพีที่ลดลง -6.1% ในปี 2563

ราคาแพงขึ้น-มูลค่าลบน้อยลง
เมื่อถ่วงน้ำหนักปัจจัยบวกและลบ REIC ประเมิน 2564 ทั้งปี ตลาด EEC ดังนี้

1.การขอใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน คาดว่าขยายตัวอยู่ในช่วง -16.0% ถึง -31.3% 2.การขอใบอนุญาตก่อสร้างคาดว่าขยายตัวอยู่ในช่วงเป็นบวก 11.2% ถึงติดลบ -9.1%

3.หน่วยโอนกรรมสิทธิ์คาดว่ามีการขยายตัวในช่วง -14.8% ถึง -30.3%

4.มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์คาดว่าขยายตัวอยู่ในช่วง -0.1% เหตุผลเพราะราคาที่อยู่อาศัยต่อหน่วยปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563

 

ใบอนุญาตทาวน์เฮาส์ 50%
รายละเอียดเชิงสถิติ เริ่มจาก “ด้านซัพพลาย” การออกใบอนุญาตจัดสรรที่ดินไตรมาส 3/64 มี 28 โครงการ ลดลง -46.2% จำนวน 2,575 หน่วย ลดลง -59.5% เทียบกับไตรมาส 3/63 ซึ่งมี 52 โครงการ 6,358 หน่วย

สรุป ไตรมาส 3/64 ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ในยุคก่อนโควิด โดยโครงการลดลง -44.0% จำนวนหน่วยลดลง -54.8%

ขณะที่ 9 เดือนแรกมีใบอนุญาตจัดสรรที่ดิน 99 โครงการ ลดลง -31.3% จำนวนหน่วย 9,665 หน่วย ลดลง -34.6% เทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563 ซึ่งมี 144 โครงการ 14,767 หน่วย

ในจำนวน 9,665 หน่วย เป็นทาวน์เฮาส์มากที่สุด 4,872 หน่วย สัดส่วน 50.4% (ลดลง -37.4%) บ้านเดี่ยว 2,425 หน่วย สัดส่วน 25.1% (ลดลง -37.3%) และบ้านแฝด 2,234 หน่วย สัดส่วน 23.1% (ลดลง -22.8%)

“คอนโด” แอบฟื้น 5 พันหน่วย
“การออกใบอนุญาตก่อสร้าง” ไตรมาส 3/64 ทั้งบ้านที่ประชาชนสร้างเอง บ้านจัดสรร-คอนโดฯ มี 8,362 หน่วย เพิ่มขึ้น 13.3% เทียบกับไตรมาส 3/63 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี -21.7%

แยกตามประเภทเป็นโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์) 6,374 หน่วย ลดลง -5.8% ขณะที่คอนโดฯมีจำนวน 1,988 หน่วย เพิ่มขึ้น 223.7% เทียบกับไตรมาส 3/63

สำหรับ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2564) มีจำนวน 25,411 หน่วย เพิ่มขึ้น 9.1% แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 20,269 หน่วย ลดลง -3.1% คอนโดฯ 5,142 หน่วย เพิ่มขึ้น 116.3% อาจดูเสมือนคอนโดฯโตเยอะแต่ในข้อเท็จจริงเป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำผิดปกติเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563

มือสองหน่วยโอนเบียดมือหนึ่ง
“การโอนกรรมสิทธิ์” ไตรมาส 3/64 มีจำนวน 10,087 หน่วย ลดลง -13.8% มูลค่า 23,372 ล้านบาท ลดลง -13.1% เทียบกับไตรมาส 3/63 ที่มีการโอน 11,698 หน่วย มูลค่า 26,907 ล้านบาท

โดยเป็นบ้านแนวราบมากสุด 7,920 หน่วย สัดส่วน 78.5% (ลดลง -12.5%) มูลค่า 18,404 ล้านบาท ลดลง -10.9% เทียบกับไตรมาส 3/63 มีจำนวน 9,052 หน่วย มูลค่า 20,644 ล้านบาท

ที่เหลือเป็นคอนโดฯ โอน 2,167 หน่วย สัดส่วน 21.5% (ลดลง -18.1%) มูลค่าโอน 4,968 ล้านบาท ลดลง -20.7% เทียบกับไตรมาส 3/63 ซึ่งโอน 2,646 หน่วย มูลค่า 6,263 ล้านบาท

ข้อมูลน่าสนใจคือ REIC แยกการโอนที่อยู่อาศัยสร้างใหม่มีจำนวน 5,335 หน่วย สัดส่วน 53% และยอดโอนที่อยู่อาศัยมือสอง 4,752 หน่วย สัดส่วน 47% ขณะที่มูลค่าการโอนโครงการสร้างใหม่ 13,486 ล้านบาท สัดส่วน 58% บ้านมือสอง 9,886 ล้านบาท สัดส่วน 42%

จับตา “มูลค่าโอน” บ้านมือสอง
สำหรับ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2564) มีการโอน 26,339 หน่วย ลดลง -18.3% มูลค่าโอน 61,195 ล้านบาท ลดลง -16.3% เทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563 โอน 32,248 หน่วย มูลค่า 73,115 ล้านบาท

ในจำนวนนี้เป็นบ้านแนวราบมากที่สุด 19,203 หน่วย สัดส่วน 72.9% (ลดลง -22.4%) มูลค่าโอน 45,531 ล้านบาท (ลดลง -18.2%) เทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563 โอน 24,750 หน่วย มูลค่า 55,630 ล้านบาท

ส่วนการโอนคอนโดฯ มี 7,136 หน่วย สัดส่วน 27.1% (ลดลง -4.8%) มูลค่า 15,664 ล้านบาท (ลดลง -10.4%) เทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2563 โอน 7,498 หน่วย มูลค่า 17,485 ล้านบาท

โดยเป็นการโอนบ้านสร้างใหม่ 14,032 หน่วย สัดส่วน 53% บ้านมือสอง 12,307 หน่วย สัดส่วน 47% ขณะที่มูลค่าการโอนบ้านสร้างใหม่ 35,602 ล้านบาท สัดส่วน 58% บ้านมือสอง 25,593 ล้านบาท สัดส่วน 42%

2-3 ล้านโอนฮึ่มทั้งบ้านเก่า-ใหม่
เนื่องจากยอดโอนมาจากบ้านแนวราบเกือบ 3 ใน 4 หรือ 72.9% ทาง REIC พบว่าเป็นการโอนบ้านสร้างใหม่ 9,119 หน่วย สัดส่วน 47% โอนบ้านมือสอง 10,084 หน่วย สัดส่วน 53%

ในด้านมูลค่าสวนทางกัน เป็นการโอนบ้านใหม่ 24,291 ล้านบาท สัดส่วน 53% โอนบ้านมือสอง 21,240 ล้านบาท สัดส่วน 47%

ระดับราคาบ้านแนวราบส่วนใหญ่โอนหลังละ 2-3 ล้านบาทมากที่สุด 7,027 หน่วย สัดส่วน 36.6% โดยเป็นบ้านใหม่ 3,992 หน่วย บ้านมือสอง 3,035 หน่วย

รองลงมามีการโอนราคา 1.5-2 ล้านบาท จำนวน 4,581 หน่วย สัดส่วน 23.9% แบ่งเป็นบ้านสร้างใหม่ 2,203 หน่วย บ้านมือสอง 2,378 หน่วย

และมียอดโอนหลังละ 3-5 ล้านบาท 2,649 หน่วย สัดส่วน 13.8% แบ่งเป็นบ้านสร้างใหม่ 1,740 หน่วย บ้านมือสอง 909 หน่วย

ในด้านมูลค่าโอน ส่วนใหญ่หลังละ 2-3 ล้านมากที่สุด จำนวน 17,407 ล้านบาท สัดส่วน 38.2% แบ่งเป็นบ้านสร้างใหม่ 9,873 ล้านบาท บ้านมือสอง 7,533 ล้านบาท

รองลงมายอดโอนหลังละ 3-5 ล้านบาท จำนวน 10,067 ล้านบาท สัดส่วน 22.1% เป็นบ้านสร้างใหม่ 6,641 ล้านบาท บ้านมือสอง 3,427 ล้านบาท

และยอดโอนหลังละ 1.5-2 ล้านบาท มูลค่า 8,174 ล้านบาท สัดส่วน 18.0% เป็นบ้านสร้างใหม่ 3,930 ล้านบาท บ้านมือสองจำนวน 4,244 ล้านบาท

คอนโด 1.5-2 ล้านโอนมากสุด
สุดท้าย การโอนคอนโดฯ ช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 พบว่าเป็นคอนโดฯ สร้างใหม่ 4,913 หน่วย สัดส่วน 69% คอนโดฯ มือสอง 2,223 หน่วย สัดส่วน 31% โดยมูลค่าโอนคอนโดฯ ใหม่ 11,311 ล้านบาท สัดส่วน 72% คอนโดฯ มือสอง 4,353 ล้านบาท สัดส่วน 28%

กลุ่มราคาที่โอนพบว่าราคา 1.5-2 ล้านบาท มีมากสุด 2,228 หน่วย สัดส่วน 31.2% แบ่งเป็นคอนโดฯ สร้างใหม่ 1,860 หน่วย มือสอง 368 หน่วย

รองลงราคา 2-3 ล้านบาท 1,490 หน่วย สัดส่วน 20.9% เป็นคอนโดฯ สร้างใหม่ 1,095 หน่วย มือสอง 395 หน่วย

และราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท 1,318 หน่วย สัดส่วน 18.5% แบ่งเป็นหน่วยโอนสร้างใหม่ 770 หน่วย มือสอง 548 หน่วย

ในด้านมูลค่าการโอนพบว่าราคา 1.5-2 ล้านบาท โอนมากสุด 3,805 ล้านบาท สัดส่วน 24.3% แบ่งเป็นมูลค่าสร้างใหม่ 3,172 ล้านบาท มือสอง 633 ล้านบาท

รองลงราคา 2-3 ล้านบาท มูลค่า 3,655 ล้านบาท สัดส่วน 23.3% แบ่งเป็นมูลค่าสร้างใหม่ 2,695 ล้านบาท มือสอง 959 ล้านบาท

และราคา 3-5 ล้านบาท มูลค่าโอน 2,588 ล้านบาท สัดส่วน 16.5% แบ่งเป็นมูลค่าสร้างใหม่ 2,045 ล้านบาท มือสอง 543 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้เป็นสถิติการโอนก่อนหน้าจะมีการต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนองเวอร์ชั่นปี 2565จุดโฟกัสอยู่ที่เปิดช่องให้ “ที่อยู่อาศัยมือสอง” ได้เอ็นจอยส่วนลดจาก 3% เหลือ 0.01% เปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นปี 2564 ที่ให้อานิสงส์เฉพาะบ้าน-คอนโดฯ สร้างใหม่ในโครงการจัดสรร

ทำให้ฟันธงได้ไม่ยากว่าสถิติการโอนปี 2565 ในโซน EEC ต้องจับตาสินค้ามือสองซึ่งมีแนวโน้มโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะถัวเฉลี่ยมีราคาถูกกว่ามือหนึ่ง 20%

เงินเฟ้อสหรัฐพีกสุดรอบ 40 ปี กระชากบอนด์ยีลด์ไทยพุ่ง

“สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย” เผยเงินเฟ้อสหรัฐสูงกระชากบอนด์ยีลด์ไทยขาขึ้น คาดเอกชนยังเร่งระดมทุนรับเศรษฐกิจฟื้น ออกหุ้นกู้ทะลุ 1 ล้านล้านบาทเป็นปีที่ 3 ประเมินถึงสิ้นปีบอนด์ยีลด์ 5-10 ปีปรับขึ้นอีก 0.50% จับตาแบงก์ชาติอาจขยับดอกเบี้ยปลายปี ฟาก “EIC ไทยพาณิชย์” ลุ้นโอมิครอนชะลอการเพิ่มขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐ

นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ในปี 2565 แนวโน้มเงินทุนซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้เคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) คาดจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้ไทย เนื่องจากประเทศไทยยังเห็นภาพของเงินเฟ้อไม่ชัดเจนมากนัก รวมถึงเส้นอัตราผลตอบแทน (ยีลด์เคิร์ฟ) พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย

 

โดย ณ สิ้นปี 2564 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (บอนด์ยีลด์) อายุ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27 bps จากสิ้นปี 2563 มาอยู่ที่ 0.66% ขณะที่รุ่นอายุ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 68 bps มาอยู่ที่ 1.29% และรุ่นอายุ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 61 bps มาอยู่ที่ 1.90%

“สมาคมประเมินว่าการออกหุ้นกู้ในปีนี้น่าจะทะลุ 1 ล้านล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากภาวะเศรษฐกิจที่จะเริ่มฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง รวมถึงบริษัทเอกชนไทยที่น่าจะยังมีความต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นในช่วงไตรมาส4 ของปีนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโอมิครอน” นายธาดากล่าว

ขณะที่นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (ณ 12 ม.ค. 2564) บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปี ขยับสูงขึ้นทะลุ 2% ต่อปีแล้ว ซึ่งมองไปข้างหน้าจนถึงสิ้นปี 2565 คาดว่าบอนด์ยีลด์ทั้งรุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี น่าจะขยับตัวสูงขึ้นอีกราว 50 bps (0.5%) โดยบอนด์ยีลด์รุ่นอายุ 5 ปี จะไปอยู่ที่ 1.7-1.8% ส่วนรุ่นอายุ 10 ปี จะไปอยู่ที่ 2.3-2.51% ส่วนรุ่นอายุ 2 ปี คาดว่าน่าจะขยับขึ้นมาไม่เกิน 10 bpsจะไปอยู่ที่ประมาณ 0.75% เนื่องจากมีโอกาสที่ช่วงไตรมาส 4 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับตัวขึ้น

“สถานการณ์ในตอนนี้บอนด์ยีลด์ที่กระชากขึ้นมาทั้งของสหรัฐที่มาจากปัจจัยเงินเฟ้อ ส่วนของไทย แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ประเมินว่า เงินเฟ้อจะอยู่ภายใต้กรอบนโยบายที่ไม่เกิน 3% แต่ก็ดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้นจากปัจจัยเรื่องของราคาน้ำมัน และการชะงักงันหรือสะดุดของห่วงโซ่อุปทาน การแพร่ระบาดของโควิด-19 และทิศทางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดว่าจะขยายตัวในระดับต่ำ จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยังกลับมาได้ไม่เต็มที่” นางสาวอริยากล่าว

ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์วิเคราะห์ว่า ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ โดยบอนด์ยีลด์ระยะยาวอาจผันผวนและปรับลดลงได้ในห้วงเวลาที่มีการแพร่ระบาด

ทั้งนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC minutes) ซึ่งส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายที่ตึงตัวขึ้น ทำให้บอนด์ยีลด์สหรัฐทั้งตัวอายุสั้นและตัวอายุยาวปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับผลกระทบจากโอมิครอนนั้นคาดว่าระหว่างการแพร่ระบาดนักลงทุนจะมีความต้องการเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐอาจปรับลดลงตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในบางช่วงได้ ซึ่งจะส่งผลต่อบอนด์ยีลด์ของประเทศอื่น ๆ รวมถึงไทยเช่นกัน ในระยะต่อไปหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทยอยคลี่คลายตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ บอนด์ยีลด์ระยะยาวก็มีแนวโน้มกลับมาสูงขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ตลาดแรงงานที่ตึงตัวและแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่บอนด์ยีลด์ระยะสั้นของสหรัฐมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามการสื่อสารถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่สื่อสารว่ามีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้งในปี 2565 และอีก 3 ครั้งในปี 2566 ตามลำดับ

ส่วนบอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยมีความสัมพันธ์ค่อนข้างสูงกับบอนด์ยีลด์ของสหรัฐระยะยาว ทำให้คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นหลังสถานการณ์การระบาดดีขึ้น โดยบอนด์ยีลด์ไทยระยะยาวอาจปรับลดลงได้ตามทิศทางบอนด์ยีลด์ระยะยาวของสหรัฐที่อาจลดลงในบางช่วงของการแพร่ระบาด

อย่างไรก็ดี EIC คาดว่าบอนด์ยีลด์ระยะยาวของไทยในช่วงครึ่งหลังของปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.2-2.3% ตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและอุปทานพันธบัตรรัฐบาลไทยที่คาดว่าจะมีออกมามากขึ้นตามความต้องการระดมทุนของภาครัฐไทย

ด้านบอนด์ยีลด์ระยะสั้นของไทยมีแนวโน้มทรงตัวตามแนวโน้มการคงดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังเปราะบาง จึงทำให้อัตราผลตอบแทน (yield curve) ของไทยมีแนวโน้มปรับชันขึ้นในปี 2565 (yield curve steepening)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดสหรัฐประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในเดือน ธ.ค. 2564 ออกมาขยายตัวที่ 7.0% ต่อปี สูงที่สุดในรอบ 40 ปีนับตั้งแต่ปี 2525 (ค.ศ. 1982) ซึ่งทางสมาคมระบุว่า ทำให้บอนด์ยีลด์ไทยขยับขึ้นอีก 2 bps

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า บอนด์ยีลด์ของไทยอาจขยับขึ้นในปี 2565 จาก 2 ปัจจัย ได้แก่ ทิศทางขาขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐ และปริมาณพันธบัตรรัฐบาลไทยที่ภาครัฐมีแผนจะออกเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า บอนด์ยีลด์ อายุ 2 ปี และอายุ 10 ปีของไทย อาจขยับสูงขึ้นแตะ 0.80% และ 2.20% ในปี 2565 จากระดับ 0.66% และ 1.90% ณ สิ้นปี 2564 ตามลำดับ

จำนำทะเบียน ดิ้นแตกไลน์ธุรกิจ รับความเสี่ยง

จำนำทะเบียน รุกธุรกิจใหม่ รักษากำไร-ฐานลูกค้าชิงความเป็นต่อ ค่าย เงินติดล้อ จ่อเพิ่มพันธมิตร รุกธุรกิจประกัน ส่วน MTC รุกขยายสาขาเป็น 6,300 แห่งในสิ้นปี ขณะที่ SAK ชูสินเชื่อโดรนสร้างอาชีพเกษตรกร วงเงินกู้ลำละ 3 แสนบาท

ธุรกิจจำนำทะเบียนรถเผชิญปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน ขณะที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) เองจะเข้ามาควบคุมอัตราดอกเบี้ยทั้งรถยนต์เก่าและมอเตอร์ไซด์ไม่เกิน 20% ทำให้หลายแห่งต้องแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อสร้างรายได้ซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ให้กับบริษัท

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล นายกสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ หรือ VTLA และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เงินติดล้อเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความยากที่ประมาณการไม่ได้ถึงภาพรวมตลาดจำนำทะเบียนปี 2565 คือ การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนกับความไม่แน่นอนของจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งตลาดคาดว่า ต้องใช้เวลาราวปี 2566 กว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะกลับมาเทียบเท่าก่อนโควิด

อย่างไรก็ตาม สัญญาณช่วงรอยต่อปี 2564 ธุรกิจจำนำทะเบียนทั้งระบบเติบโตกว่า 10% เห็นได้จาก
ผู้ประกอบการหลายรายในท้องถิ่นที่ไม่มีใบอนุญาตยังเติบโตได้ ส่วนหนึ่งมาจากช่วงครึ่งปีแรก ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดปล่อยสินเชื่อ จึงเห็นเทรนด์ลูกค้าเข้ามาใช้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียน ทั้งรายที่ถูกปฎิเสธหรือรายที่ใช้วงเงินสินเชื่อเต็มจากธนาคารและผู้ประกอบการจำนำทะเบียนขยายสาขาเพิ่ม แต่เมืองท่องเที่ยวอาจชะลอตัวบ้าง

จำนำทะเบียน ดิ้นแตกไลน์ธุรกิจ รับความเสี่ยง

ส่วนการปรับลดเพดานดอกเบี้ยปีก่อนอาจส่งผลต่อการทำกำไรบ้าง แต่ผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจประกันเพิ่มเติม ไม่ใช่ทำตลาดเฉพาะสินเชื่ออย่างเดียว โดยในส่วนของบมจ. เงินติดล้อ มีสินเชื่อจำนำทะเบียนเกือบ 60,000 ล้านบาท และมีเบี้ยประกันรับ 5,000 ล้านบาทต่อปี โดยปี 2564 เบี้ยประกันรับน่าจะกว่า 4,000 ล้านบาท ชะลอตัวช่วงล็อกดาวน์บ้าง

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC กล่าวว่า ธุรกิจจำนำทะเบียนยังมีโอกาสเติบโตในปี 2565 จากความต้องการสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง เพราะการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 ทำให้ประชาชนดำรงชีพลำบากขึ้น ขณะที่ความจำเป็นในการใช้เงิน เพื่อยังชีพก็มีสูง จึงส่งผลต่อการใช้บริการด้านสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่ม

ส่วนการเติบโตของ MTC ในปี 2564 คาดว่า จะทำได้ตามเป้า 30% มูลค่า 90,000 ล้านบาท และคาดว่าพอร์ตสินเชื่อจะแตะ 1 แสนล้านบาทในปี 2565 ได้ตามเป้าหมาย ขณะที่สินเชื่อจะเติบโตเท่าปีก่อนที่ 30% อีกทั้งปีนี้จะมีคู่แข่งเพิ่มเข้ามาและธุรกิจนอกตลาดที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดเพิ่ม ดังนั้นแนวโน้มการแข่งขันจะมากขึ้น ซึ่ง MTC จะเน้นขยายสาขา เพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางการตลาด โดยให้มีสาขาครอบคลุม 6,300 สาขาสิ้นปีนี้จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,800 สาขาแล้ว

 

ปีนี้จะเปิดบริการ “ซื้อก่อนผ่อนทีหลัง” ภายใต้ (บริษัทลูก) บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้า WFH ซึ่งลูกค้าเก่าสามารถใช้วงเงินกู้ต่อราย 3-5 หมื่นบาท ขึ้นกับประเภทสินค้า ดอกเบี้ยประมาณ 20% ผ่อนชำระตั้งแต่ 6-18 เดือน

“เราตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 400 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่า สิ้นปีจะมีสินเชื่อเพิ่มเข้ามา 4,800 ล้านบาท ส่วนเป้าสินเชื่อเช่าซื้อจำนวน 6,000 ล้านบาท อัตราเติบโต 30%” นายชูชาติ กล่าว

 

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลีสซิ่ง (SAK)กล่าวว่า ปี 2565 บริษัทเตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดคือสินเชื่อโดรน และตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตใกล้เคียง 12,000 ล้านบาท เป็น
สินเชื่อจำนำทะเบียน 80% และอีก 13% เป็นสินเชื่อนาโน ขณะที่ปี 2564 สินเชื่อเติบโต 35% มูลค่ายอดคงค้าง 8,700 ล้านบาท

“ปี65 ศักดิ์สยามยังเติบโตได้ดี เห็นได้จากปีที่แล้ว มีลูกค้าใหม่เพิ่มกว่า 60,000 สัญญา กว่า 2,000 ล้านบาทและเปิดสาขาอีก 200 แห่งเพื่อให้สิ้นปีมี 930 สาขา ขณะเดียวกันจะเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ดินและบ้านในไตรมาสที่ 1 ซึ่งน่าจะเพิ่ม 5% จากพอร์ตสินเชื่อ”นายศิวพงศ์กล่าว

 

สำหรับปีนี้ไฮไลต์อยู่ที่บริษัท ศักดิ์สยาม เมกเกอร์ โดรน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกจะเสนอบริการเกี่ยวกับโดรน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพสร้างอาชีพใหม่กับเกษตร ทั้งจำหน่าย ซ่อมบำรุงโดรน และหากลูกค้าไม่พร้อมด้านการเงินบริษัทจะอำนวยสินเชื่อเฉลี่ย 300,000 บาทต่อลำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดของแผนการทำตลาด เบื้องต้นคาดว่าจะทำยอดขายราว 1,000 ลำ

 

“เราพยายามมองหาบริการ เพื่อสนองควมต้องการ สร้างอาชีพและลดต้นทุนให้กับลูกค้าของพี่น้องเกษตร และโดรนสามารถใช้ทำพืชสวนและพืชไร่ ไตรมาสแรกน่าจะเห็นตัวเลข”นายศิวพงศ์กล่าว

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,748 วันที่ 13 – 15 มกราคม พ.ศ. 2565

อดไปต่อ! ผลงานอันย่ำแย่ของ เอฟเวอร์ตัน ยุค เบนิเตซ

ในที่สุด ราฟาเอล เบนิเตซ ก็โดนปลดออกจากการเป็นผู้จัดการทีม เอฟเวอร์ตัน ทั้งที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเกมสุดท้ายของเขาคือการนำทีมออกไปแพ้ นอริช ซิตี้ สโมสรในกลุ่มหนีตกชั้น 1-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา

เดิมที เบนิเตซ ก็โดนกระแสต่อต้านจากเว็บเล่นบอลออนไลน์ถูกกฎหมายแฟนบอล “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เข้มารับตำแหน่งแล้ว โทษฐานที่เขาเคยเป็นกุนซือ ลิเวอร์พูล คู่ปรับร่วมเมืองของ เอฟเวอร์ตัน มาก่อน แถมยังเคยพูดจาเชิงดูหมิ่น เอฟเวอร์ตัน เมื่อหลายปีก่อนอีก ซึ่งช่วงหลายวันที่ผ่านมา เบนิเตซ ก็โดนกองเชียร์ เอฟเวอร์ตัน ขับไล่มากกว่าเดิมจนสุดท้ายก็ต้องตกงานในที่สุด

แน่นอนว่าแฟนบอลคงไม่ได้ถึงขั้นหวังว่า เบนิเตซ จะทำให้ทีมมีลุ้นแชมป์ได้ในทันที แต่สิ่งที่ออกมาก็ยังถือว่าต่ำกว่าความคาดหวังของหลายคน ลองไปดูกันดีกว่าว่าผลงานอันน่าผิดหวังของ เอฟเวอร์ตัน ภายใต้การคุมทีมของ เบนิเตซ มันมีอะไรบ้าง

– การผ่านบอล
สมัยที่ยังคุม ลิเวอร์พูล นั้น เบนิเตซ ได้รับคำชมมากพอตัวกับการทำให้เกมรุกของทีมเดินหน้าได้อย่างไหลลื่น ซึ่งส่วนหนึ่งที่ “หงส์แดง” ของเขาทำผลงานได้ดีมันเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นมีการเคลื่อนบอลกันได้อย่างยอดเยี่ยมชนิดที่ทำให้คู่แข่งแย่งบอลได้ยาก

น่าเสียดายที่ เบนิเตซ ทำอย่างนั้นกับทีมฝั่งสีน้ำเงินของย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ไม่ได้ จนถึงตอนนี้ทีมของเขาผ่านบอลในลีกเข้าเป้า 72.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นทีมที่ทำอย่างนี้ได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของ พรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาลนี้ มีเพียง เบิร์นลี่ย์, วัตฟอร์ด และ เบรนท์ฟอร์ด ที่ทำได้แย่กว่าพวกเขา

นอกจากนี้ เอฟเวอร์ตัน ยังมีจังหวะจ่ายบอลพลาดจนทำให้บอลหลุดออกจากสนามไปเองตั้ง 211 ครั้ง และมันก็ไม่มีทีมไหนใน พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่น 2021-22 อีกแล้วที่จะทำผทลงานด้านนี้ได้แย่กว่าพวกเขา โดยอันดับ 2 ในชาร์ตนี้คือ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แต่พวกเขาทำพลาดแบบนี้ไป 187 หน น้อยกว่าทีมของ เบนิเตซ บานเบอะ

– การครองบอล
17.3 ครั้งต่อ 1 เกม คือค่าเฉลี่ยการจับบอลลั่นไปเองจนส่งผลให้ทีมเสียการครองบอลของ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้ ซึ่งพวกเขาก็ถือเป็นทีมที่ทำผลงานตรงจุดนี้ได้แย่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของลีกเลยทีเดียว โดยที่ 1 คือ คริสตัล พาเลซ ที่ทำไป 18.5 ครั้ง ตามมาด้วย ลีดส์ ที่ทำไป 17.9 หน

– เกมรับ
จนถึงตอนนี้ เอฟเวอร์ตัน มีจังหวะที่เล่นพลาดจนนำไปสู่การเสียประตูในลีกถึง 6 ครั้ง ซึ่งพวกเขาถือเป็นทีมที่ทำพลาดแบบนี้มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของลีกร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด, ไบรท์ตันฯ และ พาเลซ

ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ เอฟเวอร์ตัน จะเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการสกัดโดนบอลต่อ 1 เกมสูงเป็นอันดับ 3 ของลีก ที่จำนวน 18.7 ครั้ง แต่ในนขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นทีมที่โดนคู่แข่งเลี้ยงผ่านมากเป็นอันดับ 1 ของลักด้วย ที่จำนวน 11.1 หนต่อเกมเลยทีเดียว

– แต้ม
จากการลงเล่นเกมลีก 12 นัดหลังสุดนั้น เอฟเวอร์ตัน ของ เบนิเตซ แพ้ไปถึง 9 เกม ซึ่งนั่นก็ทำให้ปัจจุบันพวกเขามีเพียง 19 คะแนนจากการลงเล่น 19 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้วเกมละ 1 คะแนนเท่านั้น

ทั้งนี้ นี่นับเป็นจำนวนแต้มที่ต่ำที่สุดเมื่อถึงช่วงกลางฤดูกาลของ เอฟเวอร์ตัน นับตั้งแต่ซีซั่น 2005-06 ด้วย โดยตอนนั้นพวกเขาเก็บไป 17 แต้มหลังจากผ่านไปครึ่งทาง โดยสุดท้ายในฤดูกาลนั้น เอฟเวอร์ตัน จบด้วยการเป็นอันดับที่ 11 ของตารางคะแนน

สกุลเงินดิจิทัลของ CBDC กับความสำคัญในการโอนเงินข้ามพรมแดน

ในขณะที่โลกเปลี่ยนไปใช้การชำระเงินแบบดิจิทัลและสกุลเงินมากขึ้น ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังสำรวจว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังกล่าวสามารถนำมาใช้เพื่อแก้ไขจุดบอดในระบบการเงินได้อย่างไร ในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นและการ ปกป้องระบบของธนาคารกลางได้โดยปริยาย วิธีหนึ่งที่ธนาคารกลางต้องการทำให้โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินเป็น ดิจิทัลคือ การใช้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currencies – CBDC) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัล ที่ออกโดยธนาคารกลางซึ่งแสดงถึงภาระผูกพันของธนาคารกลาง โดย CBDC แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ Retail CBDC (เงินสดเทียบเท่าดิจิทัลสำหรับธุรกรรมซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้รายย่อยของภาคประชาชนและและธุรกิจ) และ Wholesale CBDC (สำหรับการ ทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงินและเข้าถึงได้โดยสถาบันการเงินเท่านั้น ซึ่งคล้ายกับบัญชีการชำระเงินของ ธนาคารกลางที่มีอยู่)

ราฮูล แอดวานี (Rahul Advani) ผู้อำนวยการนโยบายภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APAC) ของริปเปิล (Ripple) เปิดเผยว่า ณ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (Bank of International Settlements – BIS) รายงานว่ามี Retail CBDC ที่เริ่มใช้งานแล้ว 2 รายและโครงการนำร่อง CBDC ใน 26 เขตอำนาจรัฐ ในขณะที่ธนาคารกลาง 65 แห่งได้แจ้งต่อสาธารณะเกี่ยวกับโครงการ ทางด้าน CBDC ที่พวกเขากำลัง เตรียมความพร้อมสำหรับภูมิทัศน์ทางการเงินในอนาคต หนึ่งในธนาคารกลางที่กล่าวถึงคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเพิ่งหารือเรื่อง Retail CBDC เมื่อไม่นานมานี้

ภายใต้การสนับสนุนจากเทคโนโลยีบล็อคเชน มีหลายเหตุผลว่า ทำไม CBDC จึงเป็นคำตอบแห่งอนาคตสำหรับ ธนาคารกลาง ด้วยเป้าหมายนโยบายร่วมกันสำหรับ CBDC ในเอเชียแปซิฟิกคือ ความต้องการส่วนเสริมดิจิทัล ไปด้วยกันกับเงินของธนาคารกลาง (fiat) เพื่อที่จะสนับสนุนระบบการชำระเงินที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากธนาคารกลางได้ตระหนักถึงประโยชน์ที่พึงได้รับจาก CBDC เป้าหมายของนโยบายจึงได้รับ การพัฒนาต่อยอด เพื่อจัดการกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เช่น การผลักดันให้มีการ เข้าถึงบริการทางการเงินที่มากขึ้นในหมู่ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร (unbanked) ซึ่งตามรายงานของธนาคารโลกอยู่ที่ ประมาณ 18% ของ ประชากรผู้ใหญ่ในประเทศไทย

ด้วยเหตุนี้ เมื่อไม่นานมานี้ ทางริปเปิลจึงได้ร่วมมือกับธนาคารกลางภูฏานในโครงการนำร่อง CBDC โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินจากปัจจุบัน 64% เป็น 85% ภายในปี 2566 นอกจากนี้ทางริปเปิลเพิ่งประกาศ ความร่วมมือกับสาธารณรัฐปาเลา เกี่ยวกับการพัฒนากลยุทธ์สำหรับการชำระเงินข้ามพรมแดน และสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับ การสนับสนุนจากดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพื่อช่วยให้พลเมืองของปาเลาเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น

นอกจากนี้ CBDC ยังช่วยทบทวนวิธีที่เรากำหนดและแลกเปลี่ยนมูลค่า เพื่อสร้างระบบการชำระเงินภายในประเทศ ที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น เราสามารถใช้ CBDC เป็นเครื่องมือเพื่อสนับสนุนเป้าหมายนโยบายที่เฉพาะเจาะจงได้ เช่น ให้การสนับสนุนการกระตุ้นภาคการใช้จ่ายเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย หรือเพื่อให้ความช่วยเหลือในยามวิกฤต โดย CBDC ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์นี้อาจจำกัดเวลา สร้างเฉพาะภูมิภาค และเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ของนโยบายที่เฉพาะเจาะจง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มักถูกมองข้ามแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งคือ การที่ CBDC สามารถเปลี่ยนแปลงการชำระเงินข้าม พรมแดนในตลาดแรงงานทั่วโลกที่เชื่อมโยงถึงกันมากขึ้นได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่การส่งเงินกลับ ประเทศนั้น มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ

การจัดทำกรณีศึกษาสำหรับ CBDC ในการโอนเงินข้ามพรมแดน

เช่นเดียวกับประเทศกำลังพัฒนาหลายๆ แห่งทั่วเอเชียแปซิฟิก ในประเทศไทยนั้น การโอนเงินเป็นสายเลือดหลักทาง เศรษฐกิจ แรงงานไทยในต่างประเทศส่งเงินกลับประเทศประมาณ 5.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมายังประเทศไทย ในปี 2563 ซึ่งช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและมีส่วนในการออมในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 39% จาก 4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับเงินที่ส่งเข้ามาในประเทศไทยในปี 2561

การวิจัยพบว่า การโอนเงินมีประสิทธิภาพในการลดความผันผวนของรายได้ครัวเรือนจำนวนมากโดยเฉลี่ย 5% ทำให้มี เสถียรภาพมากขึ้นแม้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ครัวเรือนที่รับเงินโอนมีแนวโน้มที่จะออมเงินค่อนข้างสูงกว่าครัวเรือนที่ ไม่ได้รับเงินโอน

ถึงกระนั้น การส่งเงินจากต่างประเทศกลับมาที่ประเทศไทยก็ยังมีค่าใช้จ่ายสูง เต็มไปด้วยความยุ่งยากและดำเนินการ ล่าช้า ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ต้นทุนการทำธุรกรรมเฉลี่ยในการส่งเงินไปยังประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 7.7%

ในปี 2563 สาเหตุหลักมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ให้บริการโอนเงินบางแห่งมักมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะได้รับความสนใจ เพียงพอจากสถาบันการเงินรายใหญ่ ทำให้เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถลดต้นทุนต่อหน่วยที่จำเป็น (economy of scale)

ความยุ่งยากโดยธรรมชาติที่มีอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้การโอนเงินข้ามพรมแดน มีค่าใช้จ่ายสูงและล่าช้า ทำให้เกิดปัญหากรณีการใช้งานที่สำคัญสำหรับ Retail CBDC

อย่าลืมว่า ในขณะที่ภูมิภาคนี้ยังคงเป็นโลกาภิวัตน์ ผู้บริโภคและธุรกิจจำนวนมากขึ้นจะต้องทำธุรกรรมกับซัพพลายเออร์ และผู้ขายข้ามพรมแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง CBDC ยังมีศักยภาพพอที่จะช่วยสร้างความเชื่อมโยงและความร่วมมือ ระหว่างเศรษฐกิจในภูมิภาคและกลุ่มการค้า เช่น อาเซียน ได้ ที่สำคัญ CBDC สามารถรองรับไมโครเพย์เมนต์ (เช่นการชำระเงินจำนวนเล็กน้อยที่ต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ) รวมถึงไมโครเพย์เมนต์ข้ามพรมแดน โดยในปัจจุบันพบว่าต้นทุน การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับไมโครเพย์เมนต์สูงเกินไปที่จะรองรับการดำเนินการดังกล่าว

การเชื่อมต่อส่วนที่ขาดหายไปด้วย CBDC

เป็นที่ชัดเจนว่า การเข้ามาของ CBDC จะเป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงิน อย่างไร ก็ตามหากเราต้องการใช้ศักยภาพของ CBDC อย่างเต็มประสิทธภาพ ธนาคารกลางจะต้องลดช่องว่างดังกล่าวด้วยการ ทำให้มั่นใจว่า การทำงานข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อปรับปรุงการค้าโลกและการเข้าถึงบริการทางการเงิน และไม่ใช่รักษาไว้ซึ่งสถานะที่มีอยู่เดิม ความไร้ประสิทธิภาพ และความไม่เท่าเทียมกัน สิ่งนี้ทำให้การทำงานร่วมกัน (Interoperability) ระหว่าง CBDC มีความสำคัญอย่างมาก ด้วยการอนุญาตให้ CBDC เชื่อมต่อกับบริการ ภายในประเทศอื่นๆ ได้เช่นเดียวกันกับการเชื่อมต่อกับ CBDC อื่นๆ การทำงานร่วมกันจะช่วยเพิ่มอรรถประโยชน์ของ CBDC ในการลดต้นทุนการทำธุรกรรม และลดอุปสรรคสำหรับผู้เข้ามาในตลาดรายใหม่ ในขณะที่ธนาคารกลางแต่ละแห่ง สามารถรักษาอำนาจอธิปไตยทางการเงินของตนไว้ได้

หากปราศจากการทำงานร่วมกันข้ามพรมแดน (cross-border interoperability) อย่างราบรื่น โครงการ CBDC ส่วนใหญ่จะไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดได้ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องจัดการกับความท้าทายใน การทำงานร่วมกันโดยใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมที่ภาคเอกชนนำเสนอ – เพื่อเร่งต่อยอดและพัฒนาความคิดริเริ่มใหม่ๆ และด้วยเหตุนี้จึงสามารถเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากเศรษฐกิจที่สดใส ราบรื่นและครอบคลุมมากขึ้น

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple คือผู้ให้บริการระบบการชำระเงินระหว่างประเทศทั่วโลกแบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี บล็อกเชน และคริปโต ที่นำเอาเทคโนโลยีทางการเงินอันทันสมัยมาประยุกต์ใช้ ด้วยเทคโนโลยี RippleNet เครือข่ายการชำระเงินระดับโลก ที่ทำให้ลูกค้าสามารถชำระเงินทั่วโลกได้ทันที เชื่อถือได้และต้นทุนต่ำ โดยธนาคารและผู้ให้บริการทางการเงินทั่วโลก สามารถใช้สกุลเงินดิจิตอลที่มีชื่อว่า XRP เป็นตัวกลางในการโอนเงินระหว่างประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและขยายบริการ ไปสู่ตลาดใหม่ได้ Ripple มีสำนักงานอยู่ที่ซานฟราซิสโก วอชิงตัน ดีซี นิวยอร์ค ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และ ดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

ตารางบอลวันนี้! AIS Play ถ่ายทอดสดไทยลีก วิลล่า พบ แมนยู ศึกพรีเมียร์ลีก PPTVยิงสด โคโลญจน์ พบ บาเยิร์น

 

วันนี้มีฟุตบอลให้ตามเชียร์กันต่อเนื่อง ดูสดบอลไทย ผ่าน AIS PLAY ทุกคู่ ขณะที่พรีเมียร์ลีกมีคู่น่าสนใจ แอสตัน วิลล่า พบ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่วน พีพีทีวี ถ่ายทอดสด บุนเดสลีกา เยอรมัน โคโลญจน์ พบ บาเยิร์น มิวนิค ส่วน กัลโช่ เซเรีย อา และ ลีกเอิง มีคิวเตะเช่นเดิม เรามีโปรแกรมฟุตบอลเว็บเล่นบอลออนไลน์ถูกกฎหมายวันนี้ พร้อมช่องถ่ายทอดสดฟุตบอลมาฝากแฟนบอลที่ต้องการดูบอลสด
โปรแกรมไทยลีก

17:30 น. ราชบุรี มิตรผล เอฟซี พบ เชียงราย ยูไนเต็ด >>> AIS Play
18:00 น. หนองบัว พิชญ เอฟซี พบ ชลบุรี เอฟซี >>> ททบ.5 HD1, AIS Play
18:00 น. พีที ประจวบ เอฟซี พบ สุพรรณบุรี เอฟซี >>> GMM25, AIS Play
19:00 น. ขอนแก่น ยูไนเต็ด พบ การท่าเรือ เอฟซี >>> PPTV HD, AIS Play

โปรแกรมไทยลีก 2

17:00 น. อยุธยา ยูไนเต็ด พบ เมืองกาญจน์ ยูไนเต็ด >>> AIS Play
18:00 น. สุโขทัย เอฟซี พบ ตราด เอฟซี >>> T Sports 7, AIS Play
18:30 น. อุดรธานี เอฟซี พบ ชัยนาท ฮอร์นบิล (เลื่อน)
19:00 น. เชียงใหม่ เอฟซี พบ เกษตรศาสตร์ >>> AIS Play
19:00 น. คัสตอม ลาดกระบัง ยูไนเต็ด พบ ระนอง ยูไนเต็ด >>> AIS Play

โปรแกรมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

19:30 น. แมนฯ ซิตี้ พบ เชลซี >>> TPF HD 1 (600)
22:00 น. นิวคาสเซิ่ล พบ วัตฟอร์ด >>> TPF HD 1 (600)
22:00 น. นอริช ซิตี้ พบ เอฟเวอร์ตัน >>> ทรูสปอร์ต เอชดี 2
22:00 น. วูล์ฟแฮมป์ตัน พบ เซาธ์แฮมป์ตัน >>> TPF HD 3 (603)
22:00 น. เบิร์นลี่ย์ พบ เลสเตอร์ ซิตี้ (เลื่อน)
00:30 น. แอสตัน วิลล่า พบ แมนฯ ยูไนเต็ด >>> TPF HD 1 (600)

โปรแกรมกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี

21:00 น. ซามพ์โดเรีย พบ โตริโน่ >>> beIN Sports2
00:00 น. ซาแลร์นิตาน่า พบ ลาซิโอ >>> beIN Sports2
02:45 น. ยูเวนตุส พบ อูดิเนเซ่ >>> beIN Sports2

โปรแกรมลีก เอิง ฝรั่งเศส

23:00 น. แซงต์ เอเตียน พบ ล็องส์ >>> beIN Sports1
03:00 น. ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พบ แบรสต์ >>> beIN Sports1

โปรแกรมบุนเดสลีกา เยอรมัน

21:30 น. ไมนซ์ 05 พบ โบคุ่ม
21:30 น. สตุ๊ตการ์ท พบ ไลป์ซิก
21:30 น. โคโลญจน์ พบ บาเยิร์น มิวนิค >>> PPTV HD
21:30 น. อูนิโอน เบอร์ลิน พบ ฮอฟเฟ่นไฮม์
21:30 น. โวล์ฟสบวร์ก พบ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน
00:30 น. มึนเช่นกลัดบัค พบ เลเวอร์คูเซ่น >>> PPTV HD

โปรแกรม แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

23:00 น. ไนจีเรีย พบ ซูดาน beIN Sports Xtra
02:00 น. กีนี บิสเซา พบ อียิปต์ beIN Sports Xtra