รัสเซีย-ยูเครน: “ดร.ก้องเกียรติ” ชี้ยืดเยื้อกระทบลงทุน-แนะไทยเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ชี้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่อยืดเยื้อกระทบบรรยากาศลงทุน ชงรัฐยกเลิกตรวจ RT-PCR เข้าประเทศแบบเสรี แนะต้องกล้าปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่

วันที่ 3 มีนาคม 2565 ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ผมประเมินว่าสงครามรัสเซียและยูเครนรอบนี้คงไม่น่าจะจบเร็ว เพราะถ้ารัสเซียเคลื่อนกำลังพลเข้าไปค่อนข้างมาก นั่นคือพยายามจะยึดทั้งประเทศ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอแรงต้านที่สูงมาก เพราะฉะนั้น สถานการณ์คงจะยืดเยื้อออกไป แต่ความยืดเยื้อดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนคุ้นชินไปเอง ไม่ต่างจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ตลาดหุ้นร่วงหนักแค่ช่วงแรกจากความตกใจของนักลงทุน แต่หลังจากนั้นภาพตลาดหุ้นจะแกว่งขึ้น-ลงจนกลายเป็นเรื่องปกติ

โดยจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้นนั้น ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อการลงทุน เกิดความลังเลและชะลอตัดสินใจลงทุน ทั้ง ๆ ที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัสเซียและยูเครน และแน่นอนผลกระทบชัดเจนที่สุดคือ ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น กระทบต้นทุนการขนส่งที่แพงขึ้น และกระทบถึงทุกประเทศที่ไม่มีส่วนร่วมในสงครามด้วย

“แต่อย่างไรก็ตาม แม้วิกฤตความขัดแย้งระหว่างประเทศในหลาย ๆ ครั้ง ๆ ความผันผวนจะอยู่กับเรานาน แต่ในแง่ผู้ลงทุนก็มองเป็นโอกาสได้ ถ้ากล้าซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดตกใจมากๆ เหมือนซื้อเมื่อเสียงปืนดังขึ้นนัดแรก และเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์จบลงก็เป็นช่วงขาย” ดร.ก้องเกียรติกล่าว

ทั้งนี้ สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์การลงทุน ไม่กล้าถือของนาน ช่วงนี้หลีกเลี่ยงลงทุนไปก่อน เพราะไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์รัสเซียยูเครนจะจบอย่างไร

ชงรัฐยกเลิกตรวจ RT-PCR เข้าประเทศ
ดร.ก้องเกียรติกล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากฝากรัฐบาลไทยคือ อยากจะให้เปิดประเทศแบบเสรีโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันเวียดนามเริ่มเปิดประเทศเแบบเสรีไปแล้ว โดยตรวจ RT-PCR ก่อนขึ้นเครื่องบินเท่านั้น ลงเครื่องไม่ต้องตรวจซ้ำ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้เลย ขณะที่ควรปรับราคาค่าตรวจ RT-PCR ให้ถูกลง เพราะตอนนี้แพงเกินไป ที่เวียดนามมีพนักงานมาตรวจถึงบ้านแค่ประมาณ 1,500 บาท รู้ผลใน 4 ชั่วโมง ที่ดูไบมีพนักงานมาตรวจถึงที่พักโรงแรมแค่ 1,800 บาท รู้ผลใน 4 ชั่วโมงเช่นกัน แต่ไทยถ้าจะตรวจแบบด่วนๆ ต้องเพิ่มเงินหลายพัน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อนักท่องเที่ยวที่อยากเดินทางมาไทย

“ไทยต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่เดินทางเข้ามาในไทยน่าจะปลอดภัยมากกว่าคนที่อยู่ในประเทศไทย เพราะผ่านการตรวจ RT-PCR เรียบร้อยแล้ว เปอร์เซ็นต์การติดโรคระหว่างเดินทางน่าจะน้อย ส่วนการจะทำให้คนในประเทศติดเชื้อโควิดน้อยลงนั้น คือกระตุ้นการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่สูงขึ้น ซึ่งตอนนี้เปอร์เซ็นต์ยังน้อยกว่าบางประเทศเพื่อนบ้าน” ดร.ก้องเกียรติกล่าว

แนะปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ดร.ก้องเกียรติกล่าวอีกว่า ไทยต้องปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ตอนนี้เรายังอนุรักษนิยมเกินไป ตั้งแต่เรื่องกฎหมายควรยกเว้นภาษีพวกธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) และสตาร์ตอัพ ซึ่งล้วนจะสนับสนุนการสร้างธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีกมากในอนาคต ฉะนั้น ตอนนี้เราถือว่ายังล้าหลังเมื่อเทียบเพื่อนบ้าน และการซื้อขายหุ้นนอกตลาด(Private equity) ด้วย

นอกจากนี้ กฎหมายต่อกลุ่มชาวต่างชาติที่มาทำงานในไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเงินเดือนสูง ต้องทบทวนเรื่องลดภาษีบุคคธรรมดาของคนกลุ่มนี้ด้วย

“วันนี้เราต้องกล้าๆ ไม่ใช่กล้าๆ กลัวๆ เวียดนามตอนนี้เปิดประเทศเร็ว กฎหมายง่าย ถึงแม้จะเป็นชาติคอมมิวนิสต์ คนอาจมองว่าได้เปรียบในแง่รัฐบาลมีความต่อเนื่อง แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้าง และผมเสียดายที่ไทยวันนี้ GDP เราโตแค่ 3% โดยเฉลี่ย ทั้งๆ ที่ในอดีตเคยโตระดับ 8-12% กลายเป็นกำลังกินบุญเก่า ส่วนของใหม่ไม่ค่อยมี ผมเชื่อว่าทุกรัฐบาลทราบปัญหา แต่กลัวทำหรือเปล่าแค่นั้นเอง” ดร.ก้องเกียรติกล่าว

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance